วันที่ 20 ธันวาคม 2567 ดร.พจน์ อร่ามวัฒนานนท์ รองประธานกรรมการ คนที่ 1 ในฐานะประธานคณะทำงานขับเคลื่อนศูนย์ประสานงานและประชาสัมพันธ์สินค้าเกษตรและอาหาร (AFC) ได้มอบหมาย คณะทำงานฯ ได้แก่ ผู้บริหาร ซีพี แอ็กซ์ตร้า , ผู้บริหาร เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล และ ผู้จัดการฝ่ายส่งเสริมธุรกิจเกษตรและอาหาร หอการค้าไทย พร้อมด้วย รองประธานหอการค้าจังหวัดศรีสะเกษ (คุณลลนา ศรีคราม) เข้าร่วมประชุมฯ โดยมี อธิบดีกรมการค้าภายใน (คุณวิทยากร มณีเนตร) เป็นประธาน รับฟังปัญหาและความร่วมมือในการช่วยเหลือรับซื้อหอมแดงของเกษตรกร
สถานการณ์หอมแดงไทย
หอมแดงไทย เป็นพืชผักและสมุนไพรที่คนไทยรู้จักคุ้นเคย มีสรรพคุณหลากหลาย นิยมนำมาใช้ประกอบอาหารในหลายพื้นที่ทั่วโลก และเป็นหนึ่งในสินค้าเกษตรสำคัญของไทย ปลูกมากในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือโดยเฉพาะจังหวัดศรีสะเกษ มีพื้นที่เพาะปลูกและให้ผลผลิตมากที่สุดในประเทศไทย อีกทั้ง หอมแดงศรีสะเกษยังได้ขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) แสดงถึงการเป็นสินค้าที่มีลักษณะเฉพาะและเป็นผลผลิตคุณภาพจากท้องถิ่นแม้ภาพรวมสถานการณ์ราคาหอมแดงปี 2567 จะมีแนวโน้มอยู่ในเกณฑ์ดี แต่หอมแดงเป็นสินค้าที่ภาครัฐมักต้องเข้าช่วยดำเนินมาตรการเชื่อมโยงการซื้อขายในช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาดมากเพื่อรักษาระดับราคา
ปัจจุบัน ประเทศไทย มีเนื้อที่เพาะปลูกหอมแดง จำนวน 54,858 ไร่ ปริมาณผลผลิต 143,988 ตัน ลดลง 3.6% จากปี 2566 เนื่องจากต้นทุนการผลิตสูงขึ้นและสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการเพาะปลูกหอมแดง โดยการส่งออกหอมแดงไทยในปี 2566 จำนวน 15,324 ตัน เป็นมูลค่า 413 ล้านบาท โดยมีตลาดหลักที่สำคัญ ได้แก่ มาเลเซีย เวียดนาม สิงคโปร์ เกาหลีใต้ และเมียมมา เป็นต้น
ปัญหาเกษตรกรผู้ปลูกหอมแดง อำเภอยางชุมน้อย จังหวัดศรีสะเกษ
เกษตรกรผู้ปลูกหอมแดงในพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำ อำเภอยางชุมน้อย จังหวัดศรีสะเกษ แจ้งราคาหอมแดงสดปีนี้ ตลาดรับซื้ออยู่ที่ 11-13 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งหอมแดงในพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำถือว่าน่าพอใจ เพราะพ่อค้าแม่รับซื้อหอมแดงสดอยู่ที่กิโลกรัมละ 11 - 12 บาท พอได้กำไรบ้างแต่ไม่มาก เพราะค่าแรงคนงานในการถอนหอมแดงหรือที่ชาวบ้านเรียกว่ากู้หอม มีค่าจ้างสูงถึงชั่วโมงล่ะ 50 บาท แต่ละแปลงต้องใช้คนงานไม่ต่ำกว่า 15 - 20 คน เพื่อให้งานเร็วขึ้นและต้องเร่งรีบกับเวลา เพราะหากว่าช่วงที่หอมแดงสดออกตลาดเป็นจำนวนมาก จะทำให้ราคาต่ำลง และ คนปลูกหอมแดงต้องรับภาระขาดทุนหรือแทบไม่ได้กำไรเลย
อีกทั้ง เกษตรกรผู้ปลูกหอมแดงอำเภอยางชุมน้อย กล่าวเพิ่มเติมว่าพื้นที่ที่อำเภอที่ปลูกหอมแดงมากที่สุดในจังหวัดศรีสะเกษ ได้แก่ อำเภอยางชุมน้อย ราษีไศล และ กันทรารมย์ ซึ่งปัจจุบัน เกษตรกรอำเภอยางชุมน้อยและอำเภอกันทรารมย์เท่านั้น ที่ผู้ปลูกหอมแดง และเริ่มทยอยถอนหอมแดงหรือกู้หอม จึงทำให้ราคาค่อนข้างนิ่ง แต่หากถึงช่วงปีใหม่เป็นต้นไปจะเริ่มถอนหอมแดงมากขึ้น เกษตรกรมีความเป็นห่วงว่าราคาจะตกต่ำลงกว่ากิโลกรัมล่ะ 10 บาท ส่งผลให้ราคาสินค้าตกต่ำและขาดทุน จึงขอให้กรมการค้าภายใน และหอการค้าไทยช่วยหาแนวทางช่วยเหลือเร่งด่วนไม่ให้ราคาตกต่ำกว่า 12 – 13 บาท/กิโลกรัม หากราคาจะดิ่งลงเหลือกิโลกรัมละ 7 – 9 บาท คนปลูกหอมแดงขาดทุนแน่นอน จึงขอความช่วยเร่งหาทางช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกหอมแดงด้วย
ทั้งนี้ กรมการค้าภายใน ได้มีมาตรการช่วยยกระดับเกษตรกรผู้ปลูกหอมแดงในประเทศ โดยได้ดำเนินการเชื่อมโยงซื้อขายล่วงหน้าระหว่างผู้ประกอบการ โรงงานแปรรูป ห้างค้าส่งค้าปลีกกับกลุ่มเกษตรกร โดยใช้สัญญาข้อตกลงมาตรฐานของกรมฯ และในปี 2567 ดำเนินการบริหารจัดการการตลาดพืชหัวใน 2 กิจกรรม ได้แก่ 1) กิจกรรมรับซื้อและกระจายออกนอกแหล่งผลิต และ 2) รณรงค์บริโภค โดยเปิดจุดจำหน่าย ณ แหล่งชุมชน กระจายผ่านรถโมบายธงฟ้า ร้านค้า ธงฟ้า และสถานีบริการน้ำมัน เป็นต้น
ข้อเสนอต่อการยกระดับเกษตรกรผู้ปลูกหอมแดงไทย ได้แก่
1. พัฒนาความรู้และศักยภาพเกษตรกร ทั้งการเพาะปลูกในและนอกฤดูกาล การเก็บรักษาผลผลิตหลังการเก็บเกี่ยวเพื่อให้เก็บรักษาได้นานมากขึ้น ชะลอการจำหน่าย และบรรเทาปัญหาผลผลิตล้นตลาดในช่วงฤดูกาลรวมทั้งส่งเสริมการปลูกด้วยเมล็ดพันธุ์แทนการใช้หัวพันธุ์ เนื่องจากเกษตรกรนิยมปลูกโดยใช้หัวพันธุ์จากผลผลิตรุ่นก่อนหน้า ซึ่งมีโอกาสส่งต่อโรคและพันธุ์ที่ไม่ดีมากกว่า
2. ผลักดันการรับรองคุณภาพ/มาตรฐานสินค้า ส่งเสริมการรับรองมาตรฐานการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี(Good Agricultural Practices: GAP) การผลิตที่มีประสิทธิภาพ มีการควบคุมศัตรูพืช โรงรวบรวมและคัดบรรจุหอมแดง รวมถึงการตรวจสอบย้อนกลับ และใช้ประโยชน์จากตราสัญลักษณ์และการรับรองมาตรฐาน(เช่น สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์และเกษตรอินทรีย์) ในการทำการตลาด เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้บริโภคโดยเฉพาะในการส่งออก
3. ส่งเสริมการแปรรูปผลผลิต เช่น หอมแดงอบแห้งพร้อมใช้สำหรับประกอบอาหาร หอมแดงทอด รวมถึงส่งเสริมนวัตกรรมและเทคโนโลยีการสกัดสารในหอมแดง เพื่อนำสรรพคุณของหอมแดงมาใช้ประโยชน์ในด้านอื่น เช่น ยาสมุนไพร ยารักษาโรค น้ำมันหอมระเหย ส่วนผสมในอาหารเสริม เป็นต้น
4. ส่งเสริมการรวมกลุ่ม เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลความรู้ จัดซื้อปัจจัยการผลิต และเพิ่มอำนาจต่อรองทางการค้ารวมถึงขยายช่องทางการขายออนไลน์ทั้งแบบค้าปลีกและค้าส่งบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่เข้าถึงง่าย
5. ส่งเสริมโรงแขวนหอมชุมชน เพื่อให้เกษตรกร/วิสาหกิจการเกษตร มีโรงแขวนหอมในชุมชนใกล้เคียงพื้นที่เพาะปลูกของตน