ย่อ / ขยาย

หอการค้าฯ ถก รมว.เกษตร ขับเคลื่อน กรอ.เกษตร ผลักดัน 5 ข้อเสนอ หวังเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ธุรกิจเกษตรและอาหารให้ตอบโจทย์คลังอาหารโลก

วันที่ 13 ธันวาคม 2567 นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการ หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย พร้อมด้วยคณะกรรมการสายงานเกษตรและอาหาร หอการค้าไทย ร่วมหารือ ศาสตราจารย์ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และคณะผู้บริหารกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ณ ห้องประชุมกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการ เปิดเผยภายหลังการหารือร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (ศ.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์) ว่าเป็นการเข้าพบเพื่อขับเคลื่อนคณะกรรมการร่วมภาครัฐและภาคเอกชน ด้านเกษตรและอาหาร หรือ กรอ.เกษตร และยังถือเป็นการประสานความร่วมมือระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ให้เป็นไปอย่างต่อเนื่องและเกิดผลเป็นรูปธรรมในการแก้ไขปัญหาได้ตรงจุด พร้อมกับยกระดับภาคเกษตรและอาหารของไทยสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนและเป็นคลังอาหารของโลก

ทั้งนี้ หอการค้าไทย ได้เสนอประเด็นปัญหาและข้อเสนอแนะเร่งด่วนของธุรกิจเกษตรและอาหารต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ เพื่อร่วมขับเคลื่อนและแก้ไขปัญหาผ่าน กรอ.เกษตร โดยมีข้อเสนอสำคัญ 5 ประเด็น ดังนี้

1.    การขับเคลื่อนศูนย์ประสานงานและประชาสัมพันธ์สินค้าเกษตรและอาหาร (AFC) เนื่องจากภาคเกษตรยังต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนในด้านรายได้ ผลผลิตและคุณภาพ จากปัจจัยที่ไม่สามารถควบคุมได้ ส่งผลให้สินค้าเกษตรราคาตกต่ำและสินค้าเกษตรล้นตลาด จึงหอการค้าไทย ได้จัดตั้งศูนย์ประสานงานฯ (AFC) ร่วมกับภาคีภาครัฐ-เอกชน 28 หน่วยงาน เพื่อทำหน้าที่ประสานงานและประชาสัมพันธ์สินค้าเกษตรและอาหารที่ล้นตลาด และกระจายข้อมูลสินค้าไปยังผู้แปรรูปและผู้จัดจำหน่ายโดยตรง ทั้งนี้ได้ขอความร่วมมือกระทรวงเกษตรฯ สนับสนุนและประชาสัมพันธ์เชื่อมโยงศูนย์ประสานงานฯ (AFC) ไปยังเกษตรและสหกรณ์จังหวัดทั่วประเทศ

2.    การสร้างเกษตรมูลค่าสูงผ่านการขับเคลื่อนเชิงพื้นที่ (Area-based) หอการค้าไทย ได้ขับเคลื่อนการสร้างเกษตรมูลค่าสูงผ่านการขับเคลื่อนเชิงพื้นที่ (Area-based) ซึ่งนำร่องไปแล้ว 13 จังหวัด และเตรียมขยายผลพื้นที่จังหวัดเป้าหมายเพิ่มเติมอีก 4 จังหวัด ในปี 2567-2568 พร้อมทั้งได้ชู Model Success Case “น่านพรีพรีเมี่ยมคอฟฟี่”  อ.เวียงสา จังหวัดน่าน เพื่อส่งเสริมการปลูกกาแฟอารบิกาและโรบัสต้าไปยังพื้นที่จังหวัดอื่นๆ ซึ่งหอการค้าไทยได้เข้าไปส่งเสริมตั้งแต่การเพาะปลูก (ต้นน้ำ) ปรับปรุงกระบวนการผลิต มีโรงงานแปรรูปที่ได้มาตรฐาน (กลางน้ำ) และการหาช่องทางการจัดจำหน่าย (ปลายน้ำ) ทั้งนี้ ท่านรัฐมนตรีฯ ยินดีรับเรื่องการสร้างเกษตรมูลค่าสูงไปร่วมดำเนินการกับหอการค้าฯ เพราะประเด็นดังกล่าวเป็นนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นอกเหนือจากกาแฟแล้ว กระทรวงเกษตรฯ ยังได้กำหนด Product Champion ไว้หลายชนิด อาทิ โกโก้  ถั่วเหลือง  หม่อนไหม  โคเนื้อ (สายพันธุ์ไทยแบล็ค) ฯลฯ เป็นต้น

พร้อมกันนี้ หอการค้าฯ ยังได้เสนอให้กระทรวงเกษตรฯ สนับสนุนงบประมาณสำหรับโครงการบริหารจัดการน้ำให้ทั่วถึงทั่วประเทศ อาทิ โครงการธนาคารน้ำใต้ดินเพื่อกักเก็บน้ำสำหรับใช้ในภาคการเกษตรและรองรับสถานการณ์ภัยแล้ง และการทำระบบการประกันภัยพืชผล  เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกรที่ประสบกับภัยธรรมชาติ ซึ่งกระทรวงเกษตรฯ ได้ดำเนินการประเด็นดังกล่าวภายใต้แผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 20 ปี (พ.ศ. 2561 – 2580) และให้ความสำคัญกับการแก้ไขน้ำท่วม น้ำแล้ง เป็นต้น

อีกทั้ง หอการค้าไทย ร่วมกับ สถาบันอาหาร ได้ทำการศึกษาโครงการ Khon Kaen Food Valley Cluster เพื่อยกระดับศักยภาพของอุตสาหกรรมอาหารไทย จึงเสนอให้กระทรวงเกษตรฯ ร่วมขับเคลื่อนแนวคิด Food Valley โดยนำร่องในพื้นที่ จ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นพื้นที่ศักยภาพด้านการเกษตรและอาหาร และมีระบบนิเวศน์ (Ecosystem) ที่เอื้อให้เกิดการพัฒนาได้อย่างยั่งยืน และสามารถเป็นต้นแบบและขยายผลการพัฒนาไปยังพื้นที่อื่นๆ โดยท่านรัฐมนตรีฯ ได้มอบหมายให้ สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) ร่วมดำเนินการกับหอการค้าฯ รวมถึงการเสนอให้กระทรวงเกษตรฯ ยกระดับศักยภาพการแข่งขันของข้าวไทยในตลาดโลกและรองรับ Climate Change ในอนาคต    โดยให้มีการศึกษาวิจัยและพัฒนาพันธุ์ข้าวและสินค้าเกษตร ที่ทนแล้งหรือทนน้ำท่วม หรือสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงในอนาคต (Climate Change) เป็นต้น

3.    การขับเคลื่อนขับเคลื่อนวิสัยทัศน์ประเทศไทยด้านศูนย์กลางอาหาร (Agriculture & Food Hub) การขึ้นทะเบียนอาหารแห่งอนาคต โดยเสนอให้กระทรวงเกษตรฯ ให้การสนับสนุนความร่วมมือทางวิชาการ การวิจัยและขึ้นทะเบียนสารสำคัญในอาหารเพื่อให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย) ประกาศเป็น Positive Lists สำหรับขึ้นทะเบียนการผลิตอาหารอนาคต รวมทั้งการพัฒนาวัตถุดิบต้นน้ำให้ได้คุณภาพ และมาตรฐาน โดยการควบคุมต้นทุนการเพาะปลูกผ่านการสนับสนุนสายพันธุ์พืชที่ให้ผลผลิตเฉลี่ยต่อไร่สูง รวมถึงส่งเสริมการวิจัยถ่ายทอดเทคโนโลยีและองค์ความรู้ให้กับเกษตรกร สนับสนุนอุตสาหกรรมอาหารแห่งอนาคตในไทย โดยการแนะนำช่องทางผู้ประกอบการเข้าถึงแหล่งเงินทุนและงานวิจัยด้านสินค้าเกษตร เพื่อต่อยอดการพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารแห่งอนาคต และทำตลาดอาหารแห่งอนาคต โดยการสนับสนุนการจัด Campaign ส่งเสริมให้ Future Food ไทยเป็นซอฟพาวเวอร์ผ่านเทศกาลอาหารและท่องเที่ยว รวมถึงส่งเสริมการรับรองสินค้าตามมาตรฐานฮาลาล

นอกจากนี้ หอการค้าไทย ได้ร่วมกับ มูลนิธิสโกลาร์ ออฟ ซัสทีแนนซ์ (SOS) ในการขับเคลื่อนโครงการธนาคารอาหาร (Food Bank) เพื่อสนับสนุนการรวบรวมและส่งต่อผลผลิตการเกษตรส่วนเกินจากภาคการผลิตเพื่อแปรรูปเป็นอาหารให้แก่ชุมชนที่ขาดแคลน โดยได้ดำเนินการส่งมอบอาหารฯ ไปยังชุมชนขาดแคลนแล้ว 5 ล้านมื้อ จึงเสนอให้กระทรวงเกษตรฯ ร่วมเป็นภาคีสนับสนุนกิจกรรมดังกล่าว ผ่านหน่วยงานต่างๆ ภายใต้กระทรวงเกษตรฯ

4.    การส่งเสริมและสนับสนุนการประมงทั้งระบบอย่างยั่งยืน จากสภาพปัญหาภาคการประมงและอุตสาหกรรมต่อเนื่องของประเทศไทย ได้ถูกสะสมมาเป็นเวลาหลายปีจากปัญหาทรัพยากรธรรมชาติเสื่อมโทรมลง แหล่งทำการประมงลดลงอันเกิดจากการทำประมงที่มากเกินกว่าปริมาณสัตว์น้ำที่มีอยู่ (Over fishing) ปัจจัยการผลิตมีราคาสูงขึ้นและขาดแคลนผลผลิตสินค้าประมงราคาตกต่ำ ปัญหาการขาดแคลนแรงงาน ตลอดจนการถูกสังคมโลกจับตามองสถานการณ์การค้ามนุษย์ด้านแรงงานในประเทศไทย (TIP Report) และการทำประมงผิดกฎหมาย IUU Fishing ยังเป็นประเด็นสำคัญที่ต้องติดตามและแก้ไขปัญหาอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น หอการค้าฯ โดยคณะกรรมการธุรกิจประมงและอุตสาหกรรมต่อเนื่อง ร่วมกับ 12 สมาคมการค้าที่เกี่ยวข้อง ได้ดำเนินการรวบรวมประเด็นปัญหาและจัดทำข้อเสนอเร่งด่วนเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการประมงทั้งระบบอย่างยั่งยืน (Position Paper) แบ่งเป็น 4 ประเด็นหลัก 23 ข้อเสนอ โดยกรมประมง รับข้อเสนอของหอการค้าฯ ไปพิจารณาดำเนินการ พร้อมทั้งขอบคุณหอการค้าฯ ที่ช่วยผลักดันนโยบายและแผนจัดการการประมง พ.ศ.2566-2570 ให้เกิดเป็นรูปธรรม

5.    การส่งเสริมธุรกิจปศุสัตว์และแปรรูป  เร่งรัดยกระดับมาตรฐานฟาร์มปศุสัตว์ไทย โดยเฉพาะกลุ่มโคเนื้อ แพะเนื้อ และแพะนม พร้อมทั้งเสนอให้เร่งรัดการเพิ่มจำนวนโรงฆ่าสัตว์, โรงตัดแต่งเนื้อสัตว์, โรงคัดบรรจุ ที่ได้มาตรฐาน GMP (Good Manufacturing Practices) ทุกจังหวัด พร้อมทั้งขอให้ส่งเสริมและสนับสนุนสหกรณ์การเกษตร, วิสาหกิจชุมชน และเกษตรกร ได้เพิ่มพื้นที่การปลูกพืชเป็นพืชอาหารสัตว์ เช่น การปลูกข้าวโพดหลังนาในพื้นที่นอกเขตชลประทาน  ซึ่งหอการค้าไทย ยินดีสนับสนุนการปลูกพืชอาหารสัตว์ของเกษตรกร รวมถึงเจรจาผู้ประกอบการเกี่ยวกับตลาดรับซื้อ และที่สำคัญการแก้ไขปัญหาการลักลอบนำเข้า-ส่งออก สินค้า ปศุสัตว์ของประเทศไทย โดยขอให้กรมปศุสัตว์ เร่งรัดปราบปรามผู้ลักลอบนำเข้า หรือ ส่งออก สินค้าปศุสัตว์อย่างเข้มงวด เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศ ตลอดจนประชาสัมพันธ์และส่งเสริมให้ร้านค้าสินค้าปศุสัตว์ (โดยเฉพาะตลาดสด) เข้าร่วมโครงการปศุสัตว์ OK เพื่อสร้างมาตรฐานสินค้าคุณภาพ และสร้างความน่าเชื่อถือและยอมรับแก่ผู้บริโภค เป็นต้น

นายสนั่น กล่าวทิ้งท้ายว่า เป็นโอกาสที่ดีที่หอการค้าฯ ได้เข้าพบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และผู้บริหาร โดยที่ผ่านมาหอการค้าฯ ได้จัดทำสมุดปกขาว ซึ่งเป็นการรวบรวมข้อเสนอจากสมาชิกหอการค้าทั่วประเทศ โดยมีประเด็นเร่งด่วนเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจระยะเร่งด่วน 3 ด้าน ได้แก่ 1.การสร้างความเชื่อมั่นทั้งในและต่างประเทศ 2. การสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของ SMEs และ 3. การวางยุทธศาสตร์ประเทศเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน รวมทั้งเป้าหมายผลักดันเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน 6 ประเด็น ได้แก่ การค้าและการลงทุน , เกษตรและอาหาร , ท่องเที่ยวและบริการ,การพัฒนาเพื่อความยั่งยืน  ,การขับเคลื่อนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อยกระดับการแข่งขันของประเทศ และการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภูมิภาค เพื่อให้กระทรวงเกษตรฯ ได้พิจารณานำประเด็นที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการต่อไป

ข่าวอื่นๆ