วันที่ 7 พฤศจิกายน 2567 ดร.พจน์ อร่ามวัฒนานนท์ รองประธานกรรมการ คนที่ 1 หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ได้เข้าร่วมเปิดงาน The 50 ASEAN-Japan Business Meeting (AJBM) และร่วมเสวนา เรื่อง ณ โรงแรม The Okura Prestige Bangkok โดยได้นำเสนอถึงสถานการณ์และนโยบายภาคเกษตรและอาหารของประเทศไทย ดังนี้
ภาคเกษตรและอุตสาหกรรมอาหารเป็นรากฐานสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ด้วยพื้นที่เกษตรกรรมกว่า 149.75 ล้านไร่ คิดเป็น 46.7% ของพื้นที่ทั้งหมด ครอบคลุมครัวเรือนเกษตรกร 7.8 ล้านครัวเรือน และมีแรงงานในภาคเกษตรประมาณ 12 ล้านคน คิดเป็น 51% ของแรงงานทั้งหมด ภาคเกษตรยังมีบทบาทสำคัญในการรองรับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในช่วงที่เกิดปัญหาด้านห่วงโซ่อุปทานและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยยังคงมีศักยภาพสูงในการผลิตสินค้าเกษตรและอาหารที่เพียงพอต่อการบริโภคภายในประเทศ รวมถึงการส่งออก ซึ่งมีมูลค่าเฉลี่ยประมาณ 1.50 ล้านล้านบาทต่อปี
ตลอดจนรัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับการพัฒนาภาคเกษตรอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งมั่นที่จะยกระดับความยั่งยืนและเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกร โดยมีเป้าหมายในการเพิ่มรายได้ของเกษตรกรเป็น 3 เท่าภายในระยะเวลา 4 ปี ผ่านการดำเนินมาตรการสำคัญ 2 ด้าน ได้แก่ 1) มาตรการสร้างภูมิคุ้มกันและความยั่งยืน และ 2) มาตรการยกระดับสินค้าเกษตรสู่การเพิ่มรายได้
นอกจากนี้ การขับเคลื่อนความมั่นคงทางอาหาร (Food Security) ของเขตเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (APEC) ได้ให้ความสำคัญกับการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน การเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร และการสนับสนุนการวิจัยและนวัตกรรมในภาคเกษตร รวมถึงการนำองค์ความรู้ดั้งเดิมมาใช้ให้เหมาะสมกับบริบทต่างๆ ตลอดจนการพัฒนาและปรับปรุงการเข้าถึงอาหารที่ปลอดภัย มีโภชนาการที่ครบถ้วน และเพียงพอสำหรับประชากรในภูมิภาค
อีกทั้งได้กล่าวถึงความสำคัญของภาคการประมงและการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในการสร้างความมั่นคงทางอาหาร โดยเน้นสนับสนุนการประมงที่ถูกต้องตามกฎหมาย ลดปัญหาขยะทะเล และส่งเสริมการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมที่ยั่งยืน ทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก