ย่อ / ขยาย

หอการค้าไทย ลงพื้นที่ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมโคเนื้อ จ.นครราชสีมา

วันที่ 24  ตุลาคม 2567 คุณอดิศร์ กฤษณวงศ์ กรรมการบริหารหอการค้าไทย และประธานคณะกรรมการธุรกิจปศุสัตว์และแปรรูป พร้อมด้วยคุณวิบูลย์ สุภัครพงษ์กุล , คุณสุรพงษ์ เป้ากลาง กรรมการหอการค้าไทย คุณปราโมทย์ มนูพิบูลย์ ที่ปรึกษาคณะกรรมการฯ คุณสิทธิพร บุรณนัฎ , คุณณัฐกานต์ พันธ์ชัย รองประธานคณะกรรมการฯ ลงพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา ในโครงการส่งเสริมเกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อครบวงจร ความร่วมมือระหว่างคณะกรรมการธุรกิจปศุสัตว์ฯ หอการค้าจังหวัดนครราชสีมา และปศุสัตว์จังหวัดนครราชสีมา โดยได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีจาก ดร.ณัชอิศร์ ศรีสุขพรชัย ประธานกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง 1 และคณะผู้บริหารหอการค้าจังหวัดนครราชสีมา ประกอบด้วย คุณอัฐพล สัมพันธ์วงศ์ รองประธานฝ่ายเศรษฐกิจและการค้า , ดร.ธีรพงศ์ คณาศักดิ์ รองประธานฝ่ายบริหาร , คุณจีรวัฒน์  ศิริวิกุล รองประธานฝ่ายกิจกรรมเครือข่ายภาครัฐ , คุณฐานพัทธ์ ชาติปฏิมางพงษ์ รองประธานฝ่ายเกษตรปศุสัตว์ โลจิสติกส์ ผังเมืองและสมาร์ทซิตี้ , ว่าที่ ร.ต.ประกาสิทธิ์ ดอนนอก กรรมการเลขาธิการ

คณะฯ เข้าพบหารือเครือข่ายเกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อ ณ วิสาหกิจชุมชนผู้เลี้ยงโคเนื้อลำตะคอง อ.สีคิ้ว โดย คุณอรรควัฒน์ วิริยะขจรเกียรติ ประธานกลุ่มวิสาหกิจฯ  พร้อมด้วยแกนนำเกษตรกรจาก 8 เครือข่ายวิสาหกิจ ให้การต้อนรับ ได้แก่ กลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้เลี้ยงโคเนื้อลำตะคอง, กลุ่มวิสาหกิจชุมชนเลี้ยงโคขุน SKB, กลุ่มวิสาหกิจชุมชนเลี้ยงโค เลี้ยงไก่ ไร่นาสวนผสม บ้านหนองโอง อำเภอสีคิ้ว กลุ่มวิสาหกิจชุมชนโคเนื้อวากิวโคราช อำเภอคง จังหวัดนครราชสีมา กลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้เลี้ยงโควากิวแสลงพัน – ทะเมนชัย อำเภอลำปลายมาศ กลุ่มวิสาหกิจชุมชนกลุ่มโควากิวหนองหงส์ อำเภอหนองหงส์กลุ่มผู้เลี้ยงโคเนื้อบ้านดงย่อ อำเภอคูเมือง จังหวัดบุรีรัมย์  ให้การต้อนรับ พร้อมนำเสนอการดำเนินงานของกลุ่ม และหารือแนวทางการส่งเสริมการดำเนินงานของกลุ่ม 

  

  • วิสาหกิจชุมชนผู้เลี้ยงโคเนื้อลำตะคอง เน้นผลิต “โคหนุ่ม เนื่อนุ่ม ชุ่มมัน” เข้าสู่ตลาด และให้ความสำคัญกับการสร้างแบรด์ “โคดำลำตะคอง” ซึ่งเป็นโคเนื้อลูกผสมจากสายเลือดแองกัสร้อยละ 50 สายเลือดวากิวร้อยละ 12.5 ส่วนที่เหลือเป็นสายเลือดบราห์มันและพื้นเมือง “โคดำลำตะคอง” มีข้อดีคือ มีความทนทานต่อภูมิอากาศของไทย มีอัตราการเจริญเติบโตที่ดี ให้เนื้อที่มีกลิ่นหอม มีความชุ่มฉ่ำ มีไขมันแทรกตามที่ตลาดต้องการ “โคดำลำตะคอง” มีการพัฒนาพันธุกรรม มาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2560
  • วิสาหกิจชุมชนผู้เลี้ยงโคเนื้อลำตะคอง ถ่ายทอดเทคโนโลยี และความรู้ต่างๆ ให้เกษตรกรใน 8 เครือข่ายวิสาหกิจชุมชนในจังหวัดนครราชสีมา และบุรีรัมย์ ซึ่งมีเกษตรกรเป็นสมาชิกอยู่ในวิสาหกิจชุมชน 420 ครัวเรือน เลี้ยงโคต้นนำ กลางน้ำ และปลายน้ำ รวมกว่า 2,500 ตัว ช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับเกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อได้มาก จากเดิมที่เลี้ยงโคเนื้อทั่วไปจะขายได้กิโลกรัมละ 82-85 บาท แต่โคดำลำตะคองจะขายได้ราคาขั้นต่ำไม่น้อยกว่ากิโลกรัมละ 105 บาท ไปจนถึงกิโลกรัมละ 165 บาท เฉลี่ยแล้วชาวบ้านจะมีรายได้เพิ่มขึ้น 28%

  • การพัฒนาโคเนื้อคุณภาพสูง ของวิสาหกิจชุมชนผู้เลี้ยงโคเนื้อลำตะคอง ให้ความสำคัญกับการให้อาหารที่เหมาะกับความต้องการของโคแต่ละช่วงวัย โดยนำงานวิจัยจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (มทส.) มาทำสูตรอาหารข้นและอาหาร TMR เฉพาะของกลุ่ม โดยอาหาร TMR มีส่วนประกอบ ดังนี้ หญ้าเนเปียร์ ฟางข้าว มันเส้น ข้าวโพด ฝุ่นข้าวโพด โพรไบโอติกส์จากสาโทข้าวโพด ข้าวหมาก และจุลินทรีย์สังเคราะห์แสง  เพื่อให้โคมีสุขภาพแข็งแรง เติบโตดีและมีระดับไขมันที่แทรกอยู่ในเนื้อด้วย ซึ่งจำเป็นต้องส่งเสริมการตรวจวิเคราะห์คุณค่าสารอาหารในเนื้อ เช่น โอเมก้า 3, 6, 9 เพื่อยืนยันถึงคุณภาพเนื้อ และนำมาประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ให้ผู้บริโภค โดยเบื้องต้นหอการค้าไทย จะประสานสถาบันอาหาร วิเคราะห์คุณค่าของสารอาหาร 3-4 รายการที่ควรดึงมาทำประชาสัมพันธ์ร่วมกับรูปแบบการเลี้ยงโค BCG (Bio Circular Green Economy)

  • วิสาหกิจชุมชนผู้เลี้ยงโคเนื้อลำตะคอง ประสบปัญหาจำนวนโคเนื้อลูกผสมที่จะเข้าสู่กระบวนการขุนมีไม่เพียงพอกับความต้องการของตลาด ที่มีความต้องการประมาณ 60 ตัวต่อเดือน แต่กลุ่มวิสาหกิจชุมชนฯ ผลิตได้เพียงเดือนละ 8 ตัว จึงมีความประสงค์ขอรับการสนับสนุนเงินยืมจากกองทุน FTA รวม 42,626,800 บาท (สี่สิบสองล้านหกแสนสองหมื่นหกพันแปดร้อยบาทถ้วน) แบ่งเป็นเงินยืมสำหรับกลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้เลี้ยงโคเนื้อลำตะคอง เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนจัดซื้อลูกโคหย่านมและอาหารเลี้ยงโคขุนให้แก่กลุ่มโคขุนกลางน้ำ จำนวน 7 กลุ่ม จำนวน 41,807,100 บาท (สี่สิบเอ็ดล้านแปดแสนเจ็ดพันหนึ่งร้อยบาทถ้วน) และเงินจ่ายขาด สำหรับกรมปศุสัตว์ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายการฝึกอบรมเกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อ และค่าใช้จ่ายสำหรับเจ้าหน้าที่ติดตาม/บริหารโครงการ จำนวน 819,700 บาท (คิดเป็นร้อยละ 1.96 ของวงเงินยืม)

ทั้งนี้การกู้เงินจากกองทุน FTA  ปัจจุบันกลุ่มฯได้ยื่นโครงการผ่านสำนักงานปศุสัตว์จังหวัดนครราชสีมาไปแล้ว โดยขั้นตอนอยู่ระหว่างการพิจารณาของกรมปศุสัตว์ นายอดิศร์ กฤษณวงศ์ประธานคณะกรรมการธุรกิจปศุสัตว์ฯ รับจะนำเข้าหารือกับผู้บริหารกรมปศุสัตว์ เพื่อขอให้เร่งรัดการดำเนินการต่อไ

วันที่ 25 ตุลาคม 2567 คณะฯ ได้เข้าพบหารือคณะผู้บริหารอุทยานวิทยาศาสตร์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง โดย ผ.ศ.ดร.ปภากร พิทนชวาล ผู้อำนวยการฯ และคณะให้การต้อนรับ โดยร่วมหารือถึงจังหวัดนครราชสีมา และจังหวัดใกล้เคียง มีความโดดเด่นทั้งในแง่ของปริมาณการเลี้ยงโคเนื้อมากที่สุดในประเทศไทยถึงร้อยละ 50 จากการผลิตโคเนื้อทั่วประเทศจำนวน 1.495 ล้านตัว และเป็นแหล่งผลิตอาหารสำหรับการผลิตโคเนื้อที่สำคัญ เช่น หญ้า มันสำปะหลัง ข้าวโพด และธัญพืช รวมถึงมีหน่วยขับเคลื่อนด้านงานวิจัยจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ที่พร้อมถ่ายทอดสู่เกษตรกรและผู้ประกอบการปศุสัตว์ที่เกี่ยวข้องกับการผลิตโคเนื้อคุณภาพสูง เพื่อเข้าไปปรับเปลี่ยนและยกระดับมูลค่าผลิตภัณฑ์ ซึ่งปัจจุบันเนื้อวัวคุณภาพสูงของประเทศไทยยังไม่เพียงพอ ต้องมีการนำเข้าสูงกว่า 30,000 ตันต่อปี ประกอบกับเนื้อ “โคดำลำตะคอง” เป็นเนื้อโคไทยคุณภาพสูง เป็นลูกผสม 3 สายพันธุ์ ที่ดึงเอาคาแรคเตอร์และคุณภาพเนื้อที่โดดเด่นแตกต่างกันของแต่ละสายพันธุ์ ได้แก่ ลูกผสมพื้นเมือง ที่มีรสชาติเข้มข้นและกลิ่นหอม มีความถึกทน วากิว มีเอกลักษณ์คือปริมาณไขมันแทรกในเนื้อคล้ายกับลายหินอ่อน และแองกัส ที่มีการเจริญเติบโตไว มีอัตราการแลกเนื้อสูงและทนต่อสภาพแวดล้อมในพื้นที่ได้ดี ด้วยความพิเศษนี้จึงมีโอกาสในการผลักดันให้เนื้อวัว “โคดำลำตะคอง” กลายเป็นหนึ่งในซอฟต์พาวเวอร์ของไทยได้

บทบาทของอุทยานวิทยาศาสตร์ฯเกี่ยวกับอุตสาหกรรมโคเนื้อที่ผ่านมา อาทิ

  • การจัดงาน Thailand Beef Fest 2024 เทศกาล “เนื้อ” ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ด้วยความร่วมมือของ NIA และอุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาค ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 2 (จ. นครราชสีมา) ระหว่างวันที่ 1-4 กุมภาพันธ์ 2567  มีผู้เข้าร่วมงานกว่า 13,373 คน รายได้หมุนเวียน 2.5 ล้านบาท ผลกระทบทางเศรษฐกิจ 1.5 เท่า

  • การอบรม & Workshop หลักสูตรการตัดแต่งซากโคและชิ้นส่วนเนื้อโค , การอบรมภาคทฤษฎี , หลักสูตรการตัดแแต่งซากโคและชิ้นส่วนเนื้อโค , การอบรม “การยกระดับมาตรฐานการทำปศุสัตว์ Good Farming Management (GFM)”

  • การดำเนินโครงการจัดตั้งห้องตัดแต่งเนื้อโคขุน/แพะ/แกะ มาตรฐาน GMP/ Halal/ HACCP และอบรมพัฒนาอาชีพผู้ตัดแต่งเนื้อ (Butcher) เนื่องจากพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา มีเครือข่ายเกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อจำนวนมากกว่า 185,400 ราย ซึ่งมีจำนวนโคเนื้อมากกว่า 530,000 ตัว มีฟาร์มโคเนื้อได้รับรองมาตรฐาน GAP 7 แห่ง ฟาร์มโคเนื้อได้รับรองมาตรฐาน GFM 133 แห่ง และมีโรงเชือดที่ได้รับรองมาตรฐานกรมปศุสัตว์ นอกจากนี้พื้นที่จังหวัดนครราชสีมาเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มจังหวัดนครชัยบุรินทร์ที่เป็นพื้นที่ที่มีจำนวนเกษตรกรผู้เลี้ยงโค และจำนวนโครวมกันมากที่สุดในประเทศไทย ปัจจุบันอุทยานวิทยาศาสตร์อยู่ระหว่างเสนอโครงการของบประมาณก่อสร้างห้องตัดแต่งเนื้อโคขุน แพะ แกะ ขนาด 212 ตารางเมตร ผ่านกระทรวง อว. ประมาณ 50 ล้านบาท ซึ่งมีที่มาจากการได้รับอนุมัติในคราวประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร (จ.นครราชสีมา) ในช่วงที่ผ่านมา

หลังจากนั้นคณะฯเดินทางเข้าเยี่ยมชมโรงชำแหละและตัดแต่งเนื้อโคมาตรฐาน ดำเนินการโดย มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารีโดย รศ. ดร.รังสรรค์ พาลพ่าย อาจารย์ประจำสาขาวิชาเทคโนโลยีชีวภาพ สำนักวิชาเทคโนโลยีการเกษตร นายประพันธ์ วินัยชาติศักดิ์ หัวหน้ากลุ่มพัฒนาคุณภาพสินค้าปศุสัตว์ สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดนครราชสีมา และคุณลุงก้าน ชามขุนทด ประธานกลุ่มวิสาหกิจโคเนื้อโคราชวากิวขามทะเลสอ ซึ่งทำ MOU เป็นผู้บริหารโรงเชือด มทส.ให้การต้อนรับ

  • โรงเชือดแห่งนี้ ได้รับรองมาตรฐาน GMP แล้วเมื่อเดือนพฤษภาคม 2567 สามารถเชือดโคได้วันละกว่า 35-40 ตัว มีส่วนการชำแหละตัดแต่งเนื้อ และห้องบ่มซากขนาดใหญ่ จำนวน 4 ห้อง  ๆ ละ 35 ตัว เพื่อรองรับให้บริการเครือข่ายอุตสาหกรรมโคเนื้อของจังหวัด และพื้นที่ใกล้เคียง

  • ปัจจุบันโรงเชือด มีปัญหาขาดทุน เพราะมีโคเข้าเชือดเพียงเดือนละ 40 ตัว โดยเกษตรกรไม่เสียค่าเชือด แต่จ่ายเป็น “หัว หนัง เครื่องใน แทน”  บริการที่เกษตรกรจะได้รับ คือ เชือดฟรี และบ่มซากฟรี 7 วัน

  • สาเหตุที่ทำให้ผู้ดำเนินการ คือ วิสาหกิจโคเนื้อโคราชวากิวขามทะเลสอ ขาดทุน เพราะมีค่าใช้จ่ายสูง มีโคเข้าเชือดน้อย เนื่องจากไม่สามารถขายเครื่องในได้ โดยรายได้จากการจำหน่ายเครื่องใน เดือนละ 100,000 บาท  (2,500 บาท * 40 ตัว) แต่มีรายจ่ายรวมเดือนละ 187,000 บาท  

Next Step

  1. คณะกรรมการธุรกิจปศุสัตว์และแปรรูป จะเข้าพบรองอธิบดีกรมปศุสัตว์ (น.สพ.ประภาส ภิญโญชีพ) เพื่อติดตามการพิจารณาข้อเสนอโครงการกู้เงินกองทุน FTA ของกลุ่มวิสาหกิจโคเนื้อลำตะคอง วงเงินงบประมาณ กว่า 42 ล้านบาท
  2. ประสานงานหน่วยงานตรวจสอบ รับรอง ด้านอาหาร อาทิ สถาบันอาหาร เพื่อวิเคราะห์คุณค่าทางอาหารเนื้อโคดำลำคะคอง เพื่อสร้างอัตลักษณ์ และคุณค่าให้เป็นที่รับรู้ในสังคม

  3. ประสานการออกบูธเนื้อโคดำลำตะคอง ในงาน “โปรโมทสินค้าไทย” โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ร่วมกับสมาคมภัตตาคารไทย และหอการค้าไทย ที่ฟีนิกซ์ ประตูน้ำ ในวันที่ 22-24 พ.ย. 2567

ข่าวอื่นๆ