วันที่ 16 กรกฎาคม 2567 คุณอดิศร์ กฤษณวงศ์ กรรมการบริหาร และรองประธานคณะกรรมการธุรกิจประมงและอุตสาหกรรมต่อเนื่อง พร้อมด้วยคณะกรรมการ ลงพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อหารือการส่งเสริมการบริโภคปลากะพงขาว และแก้ไขปัญหาราคาสินค้าสัตว์น้ำตกต่ำให้พัฒนาไปสู่สัตว์น้ำเศรษฐกิจภาคตะวันออก ร่วมกับ สมาคมภัตตาคารไทย สมาคมเชฟแห่งประเทศไทย และสมาคมผู้เพาะเลี้ยงปลาทะเลไทย
ปลากะพง เป็นปลาที่อยู่ได้ทั้งในน้ำจืด น้ำกร่อย และน้ำเค็ม ปลาชนิดนี้เลี้ยงกันแพร่หลายในเขตจังหวัดชายทะเลของไทย เนื่องจากเลี้ยงง่าย โตเร็ว เนื้อปลามีรสชาติดีและค่อนข้างมีราคา จึงเป็นปลาเศรษฐกิจที่สร้างรายได้ดีที่มีผู้บริโภคทั้งภายในประเทศ ต่างประเทศอีกด้วย ด้วยคุณสมบัติพิเศษของปลากะพงที่อยู่ได้ทั้งในน้ำจืดและน้ำกร่อย ทำให้มีผู้ที่สนใจนำไปเลี้ยงแบบปลาตามธรรมชาติที่บ่อบริเวณบ้านมากขึ้น เมื่อปลามีขนาดใหญ่ก็สามารถจับจำหน่ายเป็นรายได้เสริมได้เช่นกัน จึงทำให้ปลากะพงในปัจจุบันไม่จำเป็นต้องเลี้ยงในน้ำเค็มเพียงอย่างเดียว ยังสามารถเลี้ยงในน้ำจืดได้เช่นกัน
พร้อมทั้ง ได้ลงพื้นที่ศึกษาดูงานและต้นแบบการเลี้ยงปลากะพงขาวคุณภาพ ณ ฟาร์มบุญสว่าง จังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นศูนย์เรียนรู้การเพาะเลี้ยงปลากะพงแบบครบวงจรด้วยอาหารเม็ดที่ประสบความสำเร็จบนพื้นที่กว่า 63 ไร่ โดยเริ่มตั้งแต่การอนุบาลปลา จนส่งผลผลิตออกสู่ตลาด ด้วยเทคนิคการเลี้ยงปลากระพงขาว โดยใช้นวัตกรรมการสร้างสารอาหารแบบใบพัดโดยให้อาหารเพียงจุดเดียวและให้ปลามากินพร้อมกัน พร้อมทั้งได้มีการรวมกลุ่มสร้างมาตรฐานราคาปลากะพงขาวผ่านกลุ่มผู้เพาะเลี้ยงปลากะพง เพื่อให้ราคามีเสถียรภาพกับเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงปลากระพงขาว ทั้งนี้การเลี้ยงปลากะพงขาว บ่อควรมีขนาดประมาณ 3-5 ไร่ เป็นขนาดที่เหมาะสม ซึ่งบ่อ 5 ไร่ สามารถปล่อยลูกปลากะพงได้ 15,000-30,000 ตัว ใช้ระยะเวลาการเลี้ยง 5 เดือน โดยมีผลผลิต 6 ตันต่อไร่ สร้างมูลค่า 600,000-720,000 บาท/บ่อ/รอบการเก็บ (crop)