วันที่ 17 มิถุนายน 2567 คุณบุญเลิศ อ่องไพบูลย์ รองประธานคณะกรรมการอาหารแปรรูปและอาหารแห่งอนาคต ผู้แทน ดร.วิศิษฐ์ ลิ้มลือชา ประธานคณะกรรมการฯ นำคณะกรรมการฯ พร้อมด้วยหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่มีบทบาทสนับสนุนด้านอาหารแห่งอนาคต อาทิ สอวช. สวก. สกสว. CPF ฯลฯ เข้าพบหารือคุณเกียรติกมล ตั้งงามจิตต์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แพลนด์แอนบีน (ประเทศไทย) จำกัด ในประเด็นการส่งเสริมอุตสาหกรรมอาหารอนาคตรวมทั้งและรับชมกระบวนการผลิตอาหาร Plant Based โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้
บริษัท แพลนท์ แอนด์ บีน ประเทศ ไทย จำกัด คือผู้ผลิตและจำหน่ายอาหารโปรตีนจากพืช เป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างฝ่ายไทยคือ บริษัท นิวทรา รีเจนเนอเรทีฟ โปรตีน จำกัด (NRPT) และบริษัท โนฟ ฟู้ดส์ จำกัด และฝ่ายต่างชาติ คือ บริษัท แพลนท์ แอนด์ บีน ประเทศอังกฤษ : Plant & Bean (UK) ในสัดส่วนการลงทุน 51% และ 49% ตามลำดับ โดยโรงงานตั้งอยู่ที่สวนอุตสาหกรรมโรจนะ จ.พระนครศรีอยุธยา บนพื้นที่ 10 ไร่ ปัจจุบันโรงงานก่อสร้างเฟสแรกเสร็จแล้ว อยู่ระหว่างขยายเฟสที่ 2 และ 3
ปัจจุบัน โรงงานฯรับผลิตอาหารโปรตีนจากพืช 100% (OEM) แห่งแรกในประเทศไทย ที่ใช้เทคโนโลยีการผลิตจากต่างประเทศ ในระยะแรกวางเป้าหมายการผลิตที่ 3,000 ตันต่อปี (เมื่อครบตามแผนจะผลิตได้สูงสุด 25,000 ตัน/ปี) ผ่านการประเมินมาตรฐานความปลอดภัยอาหารสากล “BRC Global Food Safety Standard: BRC” และได้รับการรับรองมาตรฐาน BRCGS Plant-Based ด้านการผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารจากพืชเป็นบริษัทแรกในภูมิภาคอาเซียน โดยลูกค้าส่วนใหญ่ของโรงงาน กว่า 95% คือ กลุ่มประเทศยุโรป โรงงานฯ แบ่งการผลิตออกเป็น 2 กะ ในช่วงเวลา 07.00 – 23.00 น. มีพนักงานรวมกัน 35 คน ปัจจุบันโรงงานต้องการแรงงานภาคการผลิตที่มีทักษะด้าน Food Science ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความต้องการสูง
ข้อสรุปจากการหารือร่วมกัน ดังนี้
1. อาหาร Plant Based จะตอบโจทย์นโยบาย Net Zero ของรัฐบาลหลายๆชาติ ทั้งในด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนอาหาร โดยเฉพาะเรื่องภาษีสินค้าเนื้อสัตว์ที่มีแนวโน้มสูงขึ้น แต่อาหารจาก Plant Based จะช่วยลดปัญหาตรงนั้น ทั้งนี้ คาดว่าปี 2030 ทั่วโลก จะทาน Plant Based เพิ่มขึ้น สาเหตุจากราคาอาหาร, ภาษีการผลิตอาหาร, สิ่งแวดล้อม เป็นต้น
2. การรับรู้และแนวโน้มการบริโภค Plant Based ของกลุ่มประเทศอาเซียนยังน้อยกว่ายุโรปและสหรัฐอเมริกา ดังนั้น การออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆและรสชาติที่หลากหลายจะช่วยให้ภาพรวมตลาดดีขึ้น
3. ความท้าทายสำคัญคือ ราคาวัตถุดิบ เช่น ถั่วเหลือง(Non GMO) สำหรับผลิต Plant Based ราคาปรับขึ้นต่อเนื่องจากความต้องการใช้ทั่วโลก สวนทางกับราคากลุ่มเนื้อสัตว์ที่เริ่มคงที่และลดลงบางกลุ่ม มีผลต่อการทำตลาดและการทำราคาสินค้า
4. ปัจจุบันโรงงานนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศเป็นหลักกว่า 60-70% นอกจากนั้นจะใช้ส่วนผสมในประเทศเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรไทย สำหรับลูกค้าที่ต้องการจ้างผลิต ควรสั่งขั้นต่ำไม่น้อยกว่า 1 ตัน เพื่อความคุ้มทุนและลดการสูญเสียในกระบวนการผลิต
5. ผู้บริโภคชาวไทยกว่า 30% เป็นกลุ่ม Flexitarian ที่พร้อมลองทาน Alternative Protein กลุ่มนี้น่าสนใจลงทุนผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ แต่ Pain point สำคัญของตลาด คือ เรื่องราคา, รสชาติ, รสสัมผัส ฯลฯ ที่ยังต้องพัฒนาต่อยอดอีก
6.ผู้ประกอบการเสนอให้ภาครัฐออก Campaign สนับสนุนกลุ่ม Retailer ให้เห็นถึงประโยชน์ของสินค้ากลุ่ม Alternative Protein รวมทั้งจัดกิจกรรมส่งเสริมการบริโภค
Next Step
คณะกรรมการอาหารแปรรูปและอาหารแห่งอนาคต จะพิจารณาจัดเวทีแลกเปลี่ยนความเห็นระหว่างผู้ประกอบการอาหารอนาคต และ กลุ่มธุรกิจค้าปลีก ประเด็นการสนับสนุนพื้นที่จำหน่ายสินค้ากลุ่ม Alternative Protein ในห้างสรรพสินค้าและการจัด Campaign ส่งเสริมการขายต่อไป