ย่อ / ขยาย

สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย จับมือ สถาบันอาหาร ผนึกกำลังขับเคลื่อนอุตสาหกรรมอาหารไทยสู่ความยั่งยืน

ดร.พจน์ อร่ามวัฒนานนท์ รองประธานกรรมการ คนที่ 1 สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย  และ ดร.ศุภวรรณ ตีระรัตน์ ผู้อำนวยการสถาบันอาหาร ได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ว่าด้วยการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมอาหารของประเทศไทย เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2567  ณ ศูนย์การเรียนรู้อาหารไทย สถาบันอาหาร กรุงเทพฯ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับการผลิตสินค้าเกษตรและอาหารให้มีคุณภาพมาตรฐาน ประยุกต์ใช้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมเพื่อสร้างผลิตภัณฑ์อาหารมูลค่าสูง รวมถึงเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมอาหารของไทย

สถาบันอาหาร หน่วยงานภายใต้กระทรวงอุตสาหกรรม ทำหน้าที่ขับเคลื่อนการเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของอุตสาหกรรมอาหารไทย ในขณะที่ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย มีนโยบาย Connect the Dot ในการเชื่อมโยงความร่วมมือกับเครือข่ายทั้งในและต่างประเทศ ทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชน เพื่อช่วยสนับสนุนและพัฒนา SMEs ให้ตรงตามความต้องการ

อุตสาหกรรมอาหารถือเป็นอุตสาหกรรมหลักที่สำคัญของไทย มีสัดส่วนถึงร้อยละ 24.6 ของ GDP อุตสาหกรรมสร้างการจ้างงาน 1.14 ล้านคน และมูลค่าเศรษฐกิจ 1.138 ล้านล้านบาท แต่ผู้ประกอบการถึง 96% เป็น SMEs ที่ยังจำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือในอีกหลายด้าน

ดร.พจน์ อร่ามวัฒนานนท์ รองประธานกรรมการ คนที่ 1 กล่าวว่า หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ได้ให้ความสำคัญกับ 3 เสาธุรกิจหลัก (Core Value Chains) ได้แก่  1) ภาคธุรกิจท่องเที่ยวและบริการ 2) ภาคการค้าและการลงทุน และ 3) ภาคเกษตรและอาหาร  เพื่อขับเคลื่อนวิสัยทัศน์และพันธกิจของหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคเกษตรและอาหาร นับว่าเป็นอุตสาหกรรมที่มีความเกี่ยวข้องกับคนส่วนใหญ่ของประเทศ  จึงถือว่าภาคเกษตรและอาหารเป็นอีกหนึ่งแหล่งรายได้ที่สำคัญของประเทศ

ดังนั้น การลงนามความร่วมมือในวันนี้ ทั้งสองหน่วยงานจะร่วมกันดำเนินกิจกรรมทางวิชาการ ผลักดันนโยบาย ส่งเสริมการตลาดและเชื่อมโยงเครือข่าย พัฒนามาตรฐานและสมรรถนะของผู้ประกอบการและบุคลากรในอุตสาหกรรมอาหาร  ซึ่งสถาบันอาหารจะเป็น Think Tank ให้สมาชิกหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยในการพัฒนาสินค้าและบริการ ทั้งนี้ปัจจุบันหอการค้าไทยและ           สภาหอการค้าแห่งประเทศ มีเครือข่ายสมาชิกทั่วประเทศ 144,511 ราย โดยสถาบันอาหาร จะให้คำปรึกษา บริการ และสิทธิพิเศษสำหรับสมาชิกหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยในการพัฒนาสินค้าและบริการ ซึ่งจะเป็นหนึ่งในการพัฒนาประเทศให้เกิดความมั่นคงและยั่งยืน

ทั้งนี้ ภายใต้ความร่วมมือฯ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสถาบันอาหาร จะมีการแต่งตั้งคณะทำงานร่วมและหารือกรอบการดำเนินกิจกรรมซึ่งเริ่มขับเคลื่อนใน ปี 2567 อาทิ
1.    การร่วมมือจัดตั้งศูนย์ประสานงานและประชาสัมพันธ์สินค้าเกษตรและอาหาร ในกรณีสินค้าล้นตลาดและราคาตกต่ำ
2.    การร่วมมือขับเคลื่อนและยกระดับสินค้าเกษตรมูลค่าสูง (Product Champion) ในพื้นที่เป้าหมาย (13 จังหวัด) เพื่อการแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรด้วยนวัตกรรม (Productivity) และตอบโจทย์ BCG Model
3.    การศึกษาและขับเคลื่อน Food Valley โดยจะนำร่องในจังหวัดขอนแก่น ณ Khon Kaen Innovation Center เพื่อเป็น Role Model ขยายไปจังหวัดอื่นๆ
4.    การร่วมมือจัดกิจกรรมคลินิกให้คำปรึกษา/ สัมมนาวิชาการ อาทิ มาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหาร , การออกแบบบรรจุภัณฑ์ (Packaging Design) , การแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้าอาหารด้วยนวัตกรรม (Productivity) , การพัฒนาบุคลากรด้านอาหารเพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับสมาชิกผู้ประกอบการ
5.    การร่วมมือจัดประชุมประจำปีระดับชาติด้านอุตสาหกรรมอาหาร เพื่อชี้นำทิศทางและขับเคลื่อนอุตสาหกรรมเป้าหมาย
6.    การร่วมมือจัดกิจกรรมแถลงข่าวสถานการณ์เศรษฐกิจอุตสาหกรรมอาหาร เพื่อนำเสนอมุมมอง และสะท้อนทิศทางอุตสาหกรรมอาหารต่อสาธารณชน

ดร.ศุภวรรณ ตีระรัตน์ ผู้อำนวยการสถาบันอาหาร กล่าวว่า ความร่วมมือครั้งนี้นับเป็นการผนึกกำลังระหว่างภาครัฐ เอกชน และวิชาการ ที่จะช่วยขับเคลื่อนอุตสาหกรรมอาหารไทยให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนในทุกมิติ ทั้งการผลิต นวัตกรรม มาตรฐาน กฏ ระเบียบและภาษี ตลาดทั้งในและต่างประเทศ เพื่อสร้างความมั่นคงด้านอาหารและขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะการเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ และขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการ SMEs ที่เป็นรากฐานของอุตสาหกรรมอาหาร และกล่าวเชิญชวนสมาชิกผู้ประกอบการทั่วประเทศของหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เข้ามาใช้บริการของสถาบันอาหาร เพียงท่านแสดงความเป็นสมาชิกของหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย    โดยสถาบันอาหารจะมอบส่วนลด 10 - 15 % ในการใช้ทุกบริการของสถาบันอาหาร

ข่าวอื่นๆ