เมื่อวันที่ 8-9 พฤษภาคม 2567 คุณอดิศร์ กฤษณวงศ์ ประธานคณะกรรมการธุรกิจปศุสัตว์และแปรรูปพร้อมคณะฯ เข้าเยี่ยมหอการค้าจังหวัดขอนแก่นและติดตามความคืบหน้าโครงการโคขุนเมืองดอกคูณ จ.ขอนแก่น ซึ่งดำเนินการโดย สหกรณ์บริการขอนแก่นพัฒนาเกษตรอุตสาหกรรม จำกัด ซึ่งทำการตลาดในแบรนด์ Khon kaen Beef โดยมีคุณชาญณรงค์ บุริสตระกูล ประธานหอการค้าจังหวัดขอนแก่น และคุณพินิจพล ประดับชาติ รองประธานหอการค้าจังหวัดขอนแก่นพร้อมคณะ ให้การต้อนรับ ภายหลังการหารือ คณะฯเดินทางเข้าเยี่ยมชมและหารือการเลี้ยงโคเนื้อ ณ PPP Farm อ.หนองเรือ, PJ Farm อ.ชุมแพ และ บริษัท สยามเวทเทค จำกัด ที่มีจุดเด่นเรื่องศูนย์พันธุกรรมโคเนื้อ IVF Center อ.พระยืน.
ข้อสรุปจากการลงพื้นที่ จ.ขอนแก่น พบว่าสหกรณ์ฯ มีแผนการทำงานที่ดีมาก สามารถพัฒนาไปสู่เป้าหมายการสร้างโคเนื้อนุ่มจำหน่ายให้ผู้บริโภคในจังหวัดขอนแก่น และจังหวัดใกล้เคียง ได้บริโภคสินค้าที่สะอาดปลอดภัยในราคาที่จับต้องได้ มีรายละเอียดดังนี้
1. โคต้นน้ำ
มีแผนเพิ่มจำนวนโคพันธุ์แท้ สายพันธุ์ดี เช่น beef master, วากิวแดง (อะคาอูชิ) และแองกัส เพื่อผลิตโคเนื้อนุ่มเข้าสู่ตลาดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ซึ่งสายพันธุ์เหล่านี้เลี้ยงง่ายโตเร็ว ขายได้ราคาดีกว่าโคพื้นเมือง หรือโคลูกผสมบราห์มัน มีข้อดีคือมีปริมาณเนื้อแดงมากกว่าไขมัน เนื้อนุ่ม ไม่เลี่ยน เหมาะสำหรับคนรักสุขภาพ
การยกระดับสายพันธุ์ดี จะทำงานร่วมกับ บริษัท สยามเวทเทค ซึ่งมีเทคโนโลยีการย้ายฝากตัวอ่อน (Embryo Transfer: ET) IVF ที่มีประสิทธิภาพสูง (ในรอบ 1 ปี แม่โค 1 ตัว (doner) ผลิตตัวอ่อนได้ 30 ตัว) ซึ่งตัวอ่อนพันธุ์แท้นี้ จะนำไปฝากในแม่ตัวรับ (recipient) เพื่อตั้งท้องและคลอดเป็นลูกโค แล้วนำเข้าเลี้ยงเป็นแม่พันธุ์ หรือนำเข้าขุนต่อไป การสร้างพันธุ์แท้ จากเทคโนโลยี ET จะใช้เวลาเพียง 1 ปี เท่านั้น
2. การดำเนินงานของสหกรณ์ฯ
มีการเชื่อมโยงทุกภาคส่วนที่เชี่ยวชาญในด้านต่างๆของจังหวัดขอนแก่นมาช่วยพัฒนา ขอนแก่น บีฟ อย่างเป็นระบบ เช่น ด้านพันธุ์สัตว์ จากบริษัท สยามเวทเทค ด้านอาหารสัตว์ลดต้นทุน โดยอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยขอนแก่น มีการสร้างกลุ่มปลูกหญ้าเลี้ยงสัตว์ให้เพียงพอเพื่อลดต้นทุนการเลี้ยงสัตว์ มีการลงทะเบียนคนเลี้ยงโคต้นน้ำ-กลางน้ำเพื่อยกระดับเป็นสายพันธุ์ดี ส่วนปลายน้ำ จะใช้ฟาร์มที่เชี่ยวชาญเป็นคอกกลางในการขุน เช่น ppp ฟาร์ม และ PJ ฟาร์ม อำเภอชุมแพ เป็นต้น เพื่อลดความเสี่ยงในการขุน ได้แก่ โคพร้อมเชือด จะบริหารโดยสหกรณ์ฯ ซึ่งจะส่งเข้าเชือดในโรงเชือดมาตรฐานอย่างนครพนมบีฟ จ. มุกดาหาร แล้วนำมาตัดแต่งเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มและขายในจังหวัดขอนแก่นต่อไป ซึ่งอนาคตจะสร้างลงตกแต่งมาตรฐาน GMP ขึ้นในขอนแก่น สำหรับเนื้อโคที่ได้ จะขายเป็นเนื้ออุ่น หรือ เนื้อแช่เย็น แบรนด์ ขอนแก่นบีฟ ในช็อปมาตรฐานติดแอร์ เช่น ร้าน p&p food market ซึ่งมีอยู่กว่า 14 สาขาในจังหวัดภาคอีสาน และส่วนหนึ่งจะขายในร้านอาหารที่เป็นพันธมิตรของหอการค้าจังหวัดขอนแก่น เพื่อยกระดับความปลอดภัยของเนื้อสู่ผู้บริโภคได้ดียิ่งขึ้น
ต่อมาคณะฯ เข้าเยี่ยมกลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้เลี้ยงโคเนื้อบ้านโสก อำเภอคอนสวรรค์ จังหวัดชัยภูมิ โดยมีคุณปทิตตา โชคสุวัฒนกุล ประธานหอการค้าจังหวัดชัยภูมิ คุณสิทธิพล สุทธิศักดิ์ภักดี ประธานกิติมศักดิ์หอการค้าจังหวัดชัยภูมิ และประธาน บริษัท ประชารัฐรักสาสามัคคี จำกัด พร้อม YEC ให้การต้อนรับ ร่วมกับ ปศุสัตว์จังหวัดชัยภูมิ ปศุสัตว์อำเภอคอนสวรรค์ และทีมงาน โดยคณะฯ ได้ให้แนวทางเรื่องการพัฒนาโคเนื้อ ว่าจะต้องสร้าง value chain ให้เกิดขึ้นทั้ง supply chain โดยพ่อแม่พันธุ์ จะต้องเลี้ยงในฟาร์มมาตรฐาน GFM และควรต่อยอดไปถึงมาตรฐาน GAP และลูกที่เกิดขึ้นจะต้องนำมาขุน และเข้าเข้าสู่โรงเชือด โรงตัดแต่งมาตรฐาน GMP เพื่อให้สามารถเข้าสู่ตลาดโมเดิร์นเทรดและร้านอาหารต่างๆ ที่ต้องการเนื้อที่มีมาตรฐานรองรับได้
หลังจากนั้น คณะฯได้เยี่ยมกลุ่มวิสาหกิจโคกมั่งงอย อำเภอคอนสวรรค์ จังหวัดชัยภูมิ โดยกลุ่มวิสาหกิจนี้ มีสมาชิกทั้งหมด 11 คน เลี้ยงโครวม 45 ตัว มีการทำแปลงหญ้า แต่ประสบปัญหาภัยแล้งได้ผลผลิตน้อยไม่มีการกู้เงินมาเลี้ยงโค ปัญหาที่พบ คือขณะนี้ราคาอาหารสัตว์สูง แต่ราคาโคมีชีวิตต่ำ เกษตรกรขาดทุนอย่างหนัก และไม่มีเงินทุนที่จะขยายการเลี้ยงได้เพิ่มขึ้น
คณะฯได้ให้ข้อแนะนำคือ ให้กลุ่มวิสาหกิจโคกมั่งงอย ประสานคุณประพาส เพื่อขายโคเข้าไปยังกลุ่มผู้ผลิตหม่ำ จังหวัดชัยภูมิซึ่งยังมีความต้องการโคจำนวนมาก และทางบริษัท ประชารัฐรักสามัคคีจังหวัดชัยภูมิ ยินดีช่วยเหลือหากไม่สามารถรับเครดิต 15 วันได้อย่างไรก็ตาม ควรสร้างความเข้มแข็งให้กับเกษตรกร ด้วยการหันมาเลี้ยงโคคุณภาพสูง และตั้งกลุ่มขึ้นมาแปรรูปเนื้อโค เป็นเนื้ออบเจอร์กี้ เนื้อเค็ม หรือเนื้ออื่นๆ แล้วขายไปยังร้านอาหารในชัยภูมิและจังหวัดต่างๆ โดย YEC ในจังหวัดชัยภูมิเป็นผู้ดูแลการผลิต และทำตลาดให้