ย่อ / ขยาย

หอการค้าไทยเข้าหารือและเยี่ยมชมกระบวนการผลิตอาหารแพลนท์เบส แบรนด์ Meat Zero

 

วันที่ 7 พฤษภาคม 2567 ดร.วิศิษฐ์ ลิ้มลือชา รองประธานกรรมการ หอการค้าไทย และประธานคณะกรรมการอาหารแปรรูปและอาหารแห่งอนาคต พร้อมคณะกรรมการฯ ได้แก่ คุณบุญเลิศ อ่องไพบูลย์ คุณสันติ อาภากาศ คุณกำธร พัฒนแก้ว คุณพิชชาภรณ์ อาชววงศ์ทิพย์ ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐที่มีบทบาทสนับสนุนอุตสาหกรรมอาหารอนาคต อาทิ DITP, NXPO, BIOTEC, MTEC, TSRI  เข้าประชุมหารือกับ คุณณฤกษ์ มางเขียว รองกรรมการผู้จัดการบริหาร สายธุรกิจอาหารสำเร็จรูป และคณะผู้บริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด(มหาชน) โรงงานมหาชัย จ.สมุทรสาคร และเยี่ยมชมกระบวนการผลิตอาหาร Plant Based ในแบรนด์ Meat Zero 

“Meat Zero” ก่อตั้งเมื่อปี 2021 เป็น 1 ใน 5 โรงงานผลิตอาหารของ CPF (สระบุรี หนองจอก โคราช วังน้อย มหาชัย) ซึ่งแต่เดิมโรงงานที่มหาชัยก่อตั้งในปี 1989 ผลิตกุ้งดิบ กุ้งต้ม ส่งออกและขายในประเทศ จนในปี 2023 ได้ Renovate เป็น โรงงาน Plant Based บริษัทมีทีมพัฒนาเฉพาะด้าน Alternative Protein (มาจากผู้เชี่ยวชาญด้านเนื้อสัตว์) มีความเข้าใจลูกค้าในแต่ละตลาด ที่จะมาต่อยอดกับสินค้า Plant Based ด้วยผ่านการทดลองสูตรอาหารกว่า 2,000 ครั้ง มีกลุ่มเป้าหมายของผลิตภัณฑ์ คือ กลุ่มคนรุ่นใหม่ที่บริโภค Alternative Protein มีจุดเด่นที่ไม่มี Cholesterol, โปรตีนสูง, ปราศจาก GMO ฮอร์โมน และ Antibiotics รวมทั้งยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม 

ปัจจุบันมีสินค้า 2 ลักษณะ คือ Ready to eat (เช่น โบโลน่า เกี๊ยวซ่า ข้าวกะเพรา ข้าวผัดถั่วแขก) และ Ready to cook (หมูกรอบ เนื้อปลา ไก่ป๊อบ ไก่ทั้งชิ้น นักเก็ต เนื้อบด เบอร์เกอร์) โรงงานมีกำลังการผลิต Plant Based ได้ 9,200 ตัน/ปี และได้รับการรับรองมาตรฐาน HACCP, GHP , BRC Food , Halal (ประเภทการผลิต ของสด เช่น เนื้อบด Patty 1,000 ตัน/ปี ของสุกด้วยวิธีทอด/อบ เช่น นักเกต 5,400 ตัน/ปี ของรมควัน/นึ่ง เช่น ไส้กรอก 1,000 ตัน/ปี ข้าวกล่อง 1,200 ตัน/ปี ของหมัก เช่น เกี๊ยวซ่า 600 ตัน/ปี)

ภาพรวมมูลค่าส่งออก Alternative Protein ทั่วโลก ประมาณ 6,268 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 478,000 ล้านบาท โดยในปี 2022 มีตลาดใหญ่สุด ได้แก่ อเมริกา อังกฤษ เยอรมัน (เยอรมันเติบโตมาก เนื่องจากความตื่นตัวของผู้บริโภคกลุ่มวีแกน) ปัจจุบัน Meat Zero กำลังขยายตลาดไปที่ ฮ่องกง สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ บรูไน มาเลเซีย จีน อังกฤษ ออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกา เดนมาร์ก สวีเดน ฯลฯ 

คณะฯ ได้ร่วมหารือโดยมีสาระสำคัญ ดังนี้

1. เสนอให้ใช้ Alternative Protein แทนคำว่า plant based เพื่อสื่อถึงโปรตีนทางเลือกในกลุ่มผู้บริโภค ที่ไม่ได้มีแค่พืชอย่างเดียว อีกทั้งยังจะลดข้อจำกัดเรื่องพิกัดหมวดหมู่สินค้าในระดับสากล 

2. ข้อจำกัดของอาหาร plant based คือ รสชาติ, ราคาที่ยังสูง, รสสัมผัส, มีกระบวนการผลิตและส่วนผสมที่มากเกินไป อีกทั้ง ภาษีนำเข้า (Import tax) ยังขึ้นอยู่กับ HS Code โดยไต้หวันภาษีนำเข้าสูงมากถึง 30%, ญี่ปุ่น 10% (With Glucose) และ 16% (With Sugar) , จีน 13% แคนาดา (10.5%) หากไทยสามารถเจรจาได้จะเป็นประโยชน์ต่อการส่งออก

3. แม้ว่าถั่วเหลืองจะเป็นวัตถุดิบหลักผลิตโปรตีนทางเลือก แต่ผลผลิตในไทยยังมีคุณภาพและปริมาณไม่เพียงพอ จำเป็นที่ต้องเชื่อมโยงระหว่างผู้ผลิตและผู้ซื้อในด้านปริมาณและราคา

4. สอวช. เสนอการสร้าง Supply Chain วัตถุดิบต้นน้ำ โดยร่วมสนับสนุนกับ BOI เช่น การสกัดโปรตีน รวมทั้งการจัดทำ Positive List ร่วมกับ อย. เป้าหมาย 100 ชนิดสินค้าภายในปี 2570 โดย อว.จะสนับสนุนนักวิจัยร่วมดำเนินงาน

5. “4 Key Action” กระตุ้นการบริโภคของ Meat Zero ได้แก่ 1) จัดแคมเปญ meatless month เช่น เทศกาลกินเจ (เดือน ต.ค.) 2) ผลักดันการสร้างประสบการณ์ลูกค้ากับอาหารแปลกใหม่ 3) การสนับสนุนด้าน R&D 4) Import Plant เช่น Soy Protein

6. ด้าน R&D หน่วยงานสนับสนุนเงินทุนและงานวิจัย อาทิ บพข. บพค. สกสว. ยินดีให้การสนับสนุนการดำเนินงานผู้ประกอบการอาหารอนาคต

ข้อมูลเพิ่มเติม : ฝ่ายส่งเสริมธุรกิจเกษตรและอาหาร โทร.02-018-6888 ต่อ 5480 , 2600 (คุณจุฑาวัฒน์ , คุณวราภรณ์)

ข่าวอื่นๆ