SMART to Know

SMART to Know

ทำอย่างไร? ให้ธุรกิจครอบครัวไปไกลกว่าเดิม

รู้หรือไม่
•    80% ของธุรกิจในประเทศไทย เป็นธุรกิจครอบครัว
•    70% ของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ ก็เป็นธุรกิจครอบครัว
•    60% ของ GDP ไทย สร้างโดยกลุ่มที่เป็นธุรกิจครอบครัว

     นี่คือความสำคัญของ “ธุรกิจครอบครัว” ที่มิอาจปฏิเสธได้ แต่สิ่งที่น่าคิดกว่านั้นก็คือ มีธุรกิจครอบครัวเพียง 3% เท่านั้น ที่สามารถส่งผ่านไปยังเจนเนอเรชั่นที่ 4 ได้ ในขณะที่บางประเทศ เช่น ญี่ปุ่น บางธุรกิจสามารถดำเนินงานมาได้กว่า 100 ปี และยังมองไปไกลถึงความยั่งยืนในอีก 100 ปีข้างหน้า บางธุรกิจที่อายุยืนยาวกว่าร้อยปี ก็ไม่ได้เกิดจากครอบครัวเดียว แต่เกิดจากการร่วมแรงร่วมใจจากคนถึง 8 ตระกูล !!

เขาทำกันได้อย่างไร?... แล้วไทยเราจะต้องทำอย่างไร ให้ธุรกิจครอบครัวไปไกลได้มากกว่าเดิม?

    ต้องยอมรับว่า การบริหารธุรกิจครอบครัว แม้จะมีความคล่องตัว และมีความเป็นเจ้าของร่วมกันของคนในครอบครัว แต่ประเด็นเรื่องความแตกต่างระหว่างวัย (Generation Gap) ก็เป็นปัญหาที่พบเห็นกันได้อยู่บ่อย ๆ วิธีคิด วิธีทำของคนแต่ละรุ่นที่ไม่เหมือนกัน ส่งผลให้คนรุ่นหลังไม่ค่อยอยากเข้ามาสานต่อธุรกิจครอบครัว หรือในยามที่คนในครอบครัวแต่งงาน สร้างครอบครัวของตัวเองขึ้นมา สามีหรือภรรยาก็อาจเป็นปัจจัยที่ทำให้วิธีคิดของคนคนนั้นเปลี่ยนแปลงไป บางครั้งก็นำไปสู่ความขัดแย้งภายในธุรกิจครอบครัว

    สิ่งหนึ่งที่ได้จากการอบรมหลักสูตร Family Business Thailand รุ่นที่ 2 เมื่อปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาคือ “การบริหารธุรกิจครอบครัวให้ประสบความสำเร็จและยั่งยืน ไม่ใช่เพียงแค่การทำกำไร แต่ยังรวมถึงการรักษาความสัมพันธ์ภายในครอบครัว การสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ดี และการเติบโตอย่างยั่งยืน ธุรกิจครอบครัวจึงควรมีหลักการพื้นฐานที่เป็นแนวทางในการดำเนินงาน และอยู่ร่วมกัน” นั่นแปลว่า ธุรกิจครอบครัวที่จะเติบโตได้อย่างยั่งยืน จะต้องมีการสร้างและพัฒนา “ธรรมนูญครอบครัว” ขึ้นมา โดย Key Success Factor ในการพัฒนาธรรมนูญครอบครัว คือการสร้าง ความสมดุล ความยืดหยุ่น ความชัดเจน ความเป็นธรรม และการมีส่วนร่วม

แนวทางการพัฒนาธรรมนูญครอบครัว

    สำหรับแนวทางในการพัฒนาธรรมนูญครอบครัว ที่มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยนำมาแลกเปลี่ยนในงานอบรมข้างต้น นอกจากธุรกิจครอบครัวจะต้องเข้าใจกระบวนการต่าง ๆ แล้ว หัวใจสำคัญของการทำธรรมนูญครอบครัวก็คือ การกำหนดบัญญัติ 10 ประการ ในการบริหารธุรกิจครอบครัวให้เติบโตอย่างยั่งยืน สรุปคร่าว ๆ ดังนี้
1. การจัดการทรัพย์สิน ควรระบุให้ชัดเจนว่าอะไรบ้างที่เป็นทรัพย์สินส่วนกลาง มีชิ้นไหนบ้างที่ถือครองในนามบุคคล และมีวิธีการจัดการกับทรัพย์สินส่วนกลางเหล่านี้อย่างไร
2. การถือหุ้น ควรกำหนดให้ชัดเจนว่า ใครบ้างที่มีสิทธิ์ถือหุ้นของธุรกิจครอบครัว เขย สะใภ้ ลูกบุญธรรม หรือคนภายนอกมีสิทธิ์หรือไม่ หุ้นไหนที่สามารถซื้อขายได้ รวมถึง มีวิธีจัดการกับหุ้นที่ไม่มีทายาทมารับช่วงต่ออย่างไร
3. วิธีการทำงานในธุรกิจครอบครัว มีใครบ้างที่ได้รับสิทธิเข้าทำงานในธุรกิจครอบครัว (เขย สะใภ้ สามารถเข้ามาทำงานในธุรกิจครอบครัวได้หรือไม่) คนที่จะเข้ามาทำงานจะต้องมีคุณสมบัติอะไรเป็นพิเศษ รวมทั้ง มีหลักเกณฑ์ในการจ่ายค่าตอบแทนหรือการขึ้นเงินเดือนให้สมาชิกในครอบครัวอย่างไร
4. การเลือกผู้นำธุรกิจ ผู้นำธุรกิจครอบครัวควรมีคุณสมบัติอย่างไร จำเป็นต้องเป็นสมาชิกครอบครัวเท่านั้นหรือไม่ มีวิธีการคัดเลือกและมีวิธีการบ่มเพาะผู้นำคนใหม่อย่างไร 
5. การบ่มเพาะทายาท การสืบทอด การเกษียณ สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้ธุรกิจครอบครัวดำเนินได้อย่างต่อเนื่อง ควรมีกิจกรรมสร้างความคุ้นเคยกับธุรกิจ ถ่ายทอดค่านิยม วิสัยทัศน์ และเป้าหมายของธุรกิจให้แก่ทายาท รวมไปถึงการวางแผนสืบทอด และกำหนดหลักเกณฑ์การเกษียณให้ชัดเจน ทำให้ผู้นำคนปัจจุบันวางมืออย่างสบายใจ และสามารถส่งไม้ต่อได้อย่างราบรื่น
6. การตัดสินใจของครอบครัว กำหนดให้ชัดว่าใครเป็นคนตัดสินใจในเรื่องครอบครัว และใครเป็นคนตัดสินใจในเรื่องธุรกิจ ใช้หลักอะไรในการลงมติ (ฉันทามติ หรือการลงคะแนนเสียง) เพื่อให้ได้ข้อยุติ และการยอมรับจากสมาชิกครอบครัว 
7. กลไกการขับเคลื่อน สภาครอบครัวและสภาธุรกิจเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจครอบครัว เพื่อลดความซับซ้อนระหว่างความสัมพันธ์ในครอบครัวและการดำเนินธุรกิจ จึงควรกำหนดว่า ธุรกิจครอบครัวของเราควรมีกรรมการกี่ชุด คุณสมบัติและวิธีการแต่งตั้งควรเป็นอย่างไร รวมทั้ง คณะกรรมการในแต่ละชุดมีหน้าที่อะไรบ้าง
8. การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีและการสื่อสาร การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพในธุรกิจครอบครัว จะส่งผลดีต่อทั้งความสัมพันธ์ในครอบครัวและความสำเร็จของธุรกิจในระยะยาว จึงควรกำหนดระยะเวลาในการพบปะกันให้ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นทางการหรือไม่เป็นทางการ รวมถึงแนวทางในการจัดการกับความขัดแย้งต่าง ๆ ภายในครอบครัวด้วย
9. สวัสดิการครอบครัว หลักคิดในการให้สวัสดิการแก่ครอบครัวเป็นอย่างไร ควรมีสวัสดิการอะไรบ้าง ใครเป็นคนดูแล รวมไปถึงวงเงิน และวิธีการเบิกจ่ายสวัสดิการ
10. เจตนารมณ์ และค่านิยม เจตนารมณ์และค่านิยมที่ชัดเจนเป็นรากฐานสำคัญของธุรกิจครอบครัว ช่วยให้ธุรกิจมีเอกลักษณ์และเติบโตอย่างยั่งยืน เพื่อความสำเร็จในระยะยาว เราควรถามตัวเองว่า อะไรคือเจตนารมณ์ของผู้ก่อตั้งธุรกิจครอบครัว อะไรที่จะทำให้เรายังคงอยู่ร่วมกันได้ในอนาคต และอะไรที่เป็นค่านิยมหรือความเชื่อที่ครอบครัวเรายึดถือมาโดยตลอด 

     คำถามเหล่านี้ช่วยวางรากฐานที่แข็งแกร่งให้ธุรกิจครอบครัว นำไปสู่การสร้างธรรมนูญครอบครัว ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญ แม้จะต้องใช้เวลาและความอดทนในการหารือและตกลงร่วมกัน แต่เมื่อมีธรรมนูญครอบครัวที่ชัดเจนและเป็นธรรมแล้ว จะเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจครอบครัวในระยะยาว ช่วยให้ธุรกิจมีความมั่นคง และสามารถสืบทอดไปยังรุ่นลูกรุ่นหลานได้อย่างราบรื่น 

     ดังนั้น ธุรกิจครอบครัวจำเป็นต้องมีพื้นฐานและแนวคิด ที่ยึดมั่นในค่านิยมของครอบครัวและหลักการที่ได้รับการยอมรับ แต่เพื่อให้สามารถประสบความสำเร็จต่อไปได้ยาวนาน ครอบครัวจึงต้องตระหนักว่าธรรมนูญครอบครัวที่ดีต้องสามารถ “ปรับตัวและเปลี่ยนแปลง” ได้ตามสภาพเศรษฐกิจโลกและความต้องการของผู้มีส่วนได้เสียด้วย ดังนั้น ธรรมนูญครอบครัวจึงต้องมีความยืดหยุ่นและสามารถปรับปรุงได้ตลอดเวลาเพื่อให้ทันโลกอยู่เสมอเช่นกัน


สนใจเรื่องการพัฒนาธรรมนูญครอบครัวในเชิงลึก พร้อมทดลองลงมือทำ
ติดตามการอบรมหลักสูตร Family Business Thailand รุ่นที่ 3 เร็ว ๆ นี้