e-Tax Invoice แบ่งออกได้เป็น e-Tax Invoice & Receipt และ e-Tax Invoice by Email ซึ่งจะตอบโจทย์ลักษณะกิจการที่แตกต่างกัน ดังนั้นผู้ประกอบการที่อยากเริ่มต้นใช้งาน e-Tax Invoice ก็ควรศึกษารายละเอียดต่างๆ ให้ครบถ้วน
จากบทความ e-Tax Invoice เรื่องต้องรู้ สำหรับธุรกิจในยุคดิจิทัล #1 เราได้ทำความรู้จักกับ e-Tax Invoice กันมาบ้างแล้วว่าคืออะไร และมีประโยชน์สำหรับการดำเนินธุรกิจในปัจจุบันอย่างไรบ้าง ในบทความนี้จะมาทำความเข้าใจกันต่อว่า e-Tax Invoice มีทั้งหมดกี่รูปแบบ และแต่ละรูปแบบแตกต่างกันอย่างไร
e-Tax Invoice หรือใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ มีทั้งหมด 2 รูปแบบ ดังนี้
e-Tax Invoice & Receipt เป็นรูปแบบใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ที่เหมาะสำหรับเจ้าของธุรกิจ หรือกิจการที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (Vat 7%) ในรูปแบบไม่จำกัดรายได้ ซึ่งจะจัดทำใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์สำหรับการนำส่งข้อมูลให้กรมสรรพากรในรูปแบบของไฟล์ .xml เท่านั้น
ถ้าหากจำเป็นต้องใช้ในรูปแบบอื่น หรือไฟล์นามสกุลอื่น ให้มีการลงลายมือชื่อดิจิทัล (Digital Signature) เพื่อส่งมอบให้ลูกค้าผู้ซื้อสินค้า หรือบริการทุกครั้งที่มีการซื้อขายเกิดขึ้น
1. เป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
2. มีใบรับรองอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Certificate) ที่อยู่ภายใต้การรับรองของผู้ให้บริการออกใบรับรองอิเล็กทรอนิกส์แห่งชาติ (NRCA) และสำนักงานพัฒนาธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA)
3. มีระบบการควบคุมภายในที่ดี สามารถพิสูจน์ได้ว่าใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ที่จัดทำและนำส่งให้แก่ผู้รับมีความถูกต้องครบถ้วนโดยใช้วิธีการที่เชื่อถือได้
4. ต้องไม่เป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ได้รับอนุมัติ หรืออยู่ระหว่างการพิจารณาอนุมัติโครงการใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice by Time Stamp)
1. จัดทำข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ตามรูปแบบที่กำหนดในรูปแบบ XML หรือรูปแบบอื่นที่ลงลายมือชื่อดิจิทัล
2. ส่งมอบให้ผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการ
3. นำส่งข้อมูลให้กรมสรรพากร ด้วยวิธีต่าง ๆ 3 วิธี ดังต่อไปนี้
3.1 Web upload เป็นการส่งข้อมูลให้กับสรรพากร โดยการอัปโหลดเอกสารในรูปแบบ XML ให้แก่กรมสรรพากรผ่านทางเว็บไซต์ etax.rd.go.th
3.2 Service provider เป็นการเลือกใช้บริการส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์กับผู้ให้บริการส่งข้อมูลที่กรมสรรพากรรับรอง
3.3 Host to host สำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการส่งข้อมูลจำนวนมาก (ไม่น้อยกว่า 500,000 ฉบับ/เดือน) และอยู่ในการกำกับดูแลของกองบริหารภาษีธุรกิจขนาดใหญ่
e-Tax Invoice by Time Stamp หรือ e-Tax Invoice by Email นั้นเป็นรูปแบบใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ที่เหมาะสำหรับเจ้าของธุรกิจ หรือกิจการ ขนาดเล็กที่มีรายได้ไม่เกิน 30 ล้านบาท/ปี และจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (Vat) ซึ่งรูปแบบนี้จะต้องจัดทำเฉพาะใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ที่เป็นไฟล์ PDF/A-3 เท่านั้น เจ้าของธุรกิจหรือกิจการจะต้องส่งอีเมลให้ลูกค้า และจัดทำสำเนา (CC) ไปที่ csemail@etax.teda.th เพื่อให้ระบบประทับรับรองเวลา (Time Stamp) จากนั้นระบบ e-Tax Invoice by Time Stamp จะส่งอีเมลที่มีประทับรับรองเวลาไปยังอีเมลของลูกค้า และเจ้าของธุรกิจ หรือกิจการเพื่อจัดเก็บเป็นหลักฐาน และนำส่งข้อมูลให้กรมสรรพากรแบบอัตโนมัติ ไม่ต้องเสียเวลาไปยื่นด้วยตัวเอง
• เป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
• กิจการมีรายได้ไม่ควรเกิน 30 ล้านบาทต่อปี (แม้รายได้จะเกินเกณฑ์ แต่ถ้ามีการออกใบกำกับภาษีต่อเดือนจำนวนไม่มากก็สามารถสมัครได้ครับ)
• ต้องไม่เป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ได้รับอนุมัติหรืออยู่ระหว่างการพิจารณาอนุมัติโครงการใบกำกับภาษีและใบรับอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice & e-Receipt)
• ไม่มีพฤติการณ์หลีกเลี่ยงการเสียภาษี ไม่มีประวัติการออกและใช้ใบกำกับภาษีปลอมหรือใบกำกับภาษีที่ออกโดยมิชอบด้วยกฎหมาย
• ผู้ออกใบกำกับภาษี (ผู้ขายหรือผู้ให้บริการ) สร้างใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ ในรูปแบบ PDF/A-3
• ผู้ออกใบกำกับภาษีใช้อีเมลที่ลงทะเบียนไว้กับกรมสรรพากรส่งใบกำกับภาษีให้กับผู้ซื้อทางอีเมล (ระบุได้ 1 อีเมลเท่านั้น) และสำเนาอีเมล (E-mail CC) ไปยังระบบกลางของ สพธอ.(ETDA) หรืออีเมล csemail@etax.teda.th เพื่อประทับรับรองเวลา โดยอีเมล 1 ฉบับ แนบไฟล์เพียง 1 ไฟล์เท่านั้น
• ใบกำกับภาษีที่ส่งไปยัง สพธอ. (ETDA) จะได้รับการประทับรับรองเวลา จากนั้นระบบจะทำการจัดส่งใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ที่มีการประทับรับรองเวลาไปยังผู้ออกใบกำกับภาษีและผู้ซื้อหรือผู้รับบริการ ซึ่งถือว่าเป็นใบกำกับภาษีที่ถูกต้อง
จะเห็นได้ว่า e-Tax Invoice ช่วยให้เจ้าของธุรกิจ กิจการร้านค้าต่าง ๆ ลดขั้นตอนจัดเตรียม จัดส่งใบกำกับภาษีแบบกระดาษให้กับลูกค้า แถมยังสามารถส่งข้อมูลใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ถึงกรมสรรพากรได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย เพราะฉะนั้น ผู้ประกอบการยุคใหม่จึงไม่ควรรอช้า เข้าร่วมใช้งาน e-Tax Invoice เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจด้วยการทำงานแบบมืออาชีพ
PEAK โปรแกรมบัญชียังสามารถออกเอกสารด้านภาษี รองรับการจัดทำและส่ง e-Tax Invoice ได้อย่างสะดวกรวดเร็วในทุกขั้นตอน
ทดลองใช้งานโปรแกรมบัญชี PEAK ฟรี! 30 วัน มูลค่า 1,200 บาท
คลิก https://bit.ly/PEAK-TCC-Blog (ไม่มีค่าใช้จ่าย)
PEAK Call Center : 1485
LINE : @peakaccount
สอบถามเพิ่มเติม คลิก https://m.me/peakengine