SMART to Know

SMART to Know

เริ่มต้นทำธุรกิจ ต้องรู้อะไร #2

เมื่อรู้จักกับประเภทการจดทะเบียนบริษัทกันไปแล้ว (บทความเริ่มต้นทำธุรกิจต้องรู้อะไร #1) ต่อไปก็ควรรู้ขั้นตอนการจดทะเบียนบริษัทว่าจะต้องดำเนินการอย่างไร และต้องเตรียมข้อมูลอะไรบ้าง รวมถึงภายหลังการจดทะเบียนแล้ว จะมีภาระหน้าที่อย่างไร

จดทะเบียนบริษัทมีขั้นตอนอย่างไร

ในการจดทะเบียนบริษัทนั้นมีขั้นตอนในการดำเนินการที่สำคัญดังต่อไปนี้ 

1. ตรวจและจองชื่อบริษัท

ในการตรวจและจองชื่อบริษัทที่จะทำการจดทะเบียนนั้น กรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้เปิดบริการให้สามารถเข้าไปตรวจชื่อและจองชื่อบริษัทผ่านทางเว็บไซต์ได้ โดยเราสามารถจองชื่อได้ถึง 3 ชื่อ แต่มีเงื่อนไขว่าชื่อที่จองนั้นจะต้องไม่ซ้ำหรือใกล้เคียงกับบริษัทที่เคยจดทะเบียนไปแล้ว

2. จดทะเบียนหนังสือบริคณห์สนธิ

หลังจากวันที่นายทะเบียนรับรองชื่อบริษัท บริษัทต้องจัดเตรียมหนังสือบริคณห์สนธิเพื่อไปจดทะเบียนกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ภายใน 30 วัน โดยหนังสือบริคณห์สนธินั้นจะต้องประกอบด้วยข้อมูลสำคัญต่างๆ ดังต่อไปนี้  

  • ชื่อบริษัทตามที่ได้จองชื่อไว้
  • ที่ตั้งสํานักงานใหญ่/สาขา
  • วัตถุประสงค์บริษัท
  • ทุนจดทะเบียน
  • ชื่อ ที่อยู่ อายุ สัญชาติ ของพยาน 2 คน
  • ข้อบังคับ (ถ้ามี)
  • จํานวนทุน (ค่าหุ้น) ที่เรียกชําระแล้วอย่างน้อย 25% ของทุนจดทะเบียน
  • ชื่อ ที่อยู่ อายุของกรรมการ
  • รายชื่อหรือจํานวนกรรมการที่มีอํานาจลงชื่อแทนบริษัท 
  • ชื่อ เลขทะเบียนผู้สอบบัญชีรับอนุญาตพร้อมค่าตอบแทน
  • ชื่อ ที่อยู่ สัญชาติ และจํานวนหุ้นของผู้ถือหุ้นแต่ละคน

3. ยื่นคำขอจดทะเบียนบริษัท

หลังจากจองชื่อและจดทะเบียนหนังสือบริคณห์สนธิแล้ว นายทะเบียนที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้าจะดำเนินการตรวจสอบเอกสาร หลังจากนั้น ให้เราเตรียมไปจดทะเบียนบริษัทได้ที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้า โดยเตรียมเอกสาร ดังนี้

  • แบบจองชื่อนิติบุคคล
  • สําเนาบัตรประจําตัวประชาชนของผู้เริ่มก่อการและกรรมการทุกคน
  • สําเนาหลักฐานการรับชําระค่าหุ้นที่บริษัทออกให้แก่ผู้ถือหุ้น
  • แผนที่แสดงที่ตั้งของสํานักงานใหญ่โดยสังเขป

หมายเหตุ: ผู้ขอจดทะเบียนจะต้องลงนามรับรองสำเนาถูกต้องในเอกสารทุกฉบับ ยกเว้นสำเนาบัตรประชาชนที่ต้องให้เจ้าของบัตรลงนามรับรองด้วยตัวเอง

จดทะเบียนบริษัทออนไลน์ ทางเลือกใหม่ของธุรกิจในยุคดิจิทัล

หากใครไม่สะดวกเดินทางไปยื่นจดทะเบียน กรมพัฒนาธุรกิจการค้ามีบริการจดทะเบียนบริษัทออนไลน์ หรือเรียกว่า e-registration โดยเจ้าของกิจการสามารถเข้าไปจดทะเบียนตั้งบริษัทได้ที่เว็บไซต์ของ      กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ซึ่งให้บริการในรูปแบบ one-stop service คือ เราสามารถยื่นจดทะเบียนที่ไหนก็ได้ เพียงแค่กรอกข้อมูลเพื่อจองชื่อบริษัทไปจนถึงยื่นจดทะเบียนและชำระค่าธรรมเนียมได้ทั้งหมดทางหน้าจอคอมพิวเตอร์เท่านั้น

จดทะเบียนบริษัทแล้ว กิจการมีภาระหน้าที่อะไรบ้าง

      หลังจากจดทะเบียนบริษัทเรียบร้อยแล้ว บริษัทจะมีภาระหน้าที่ตามกฎหมายเกิดขึ้น ดังนี้

ภาระหน้าที่รายเดือน

  • จัดทำบัญชี โดยต้องหาผู้ทำบัญชี จัดทำบัญชีพร้อมเตรียมเอกสารประกอบการลงบัญชี ปิดงบการเงิน และจัดให้มีการตรวจสอบงบการเงินโดยผู้สอบบัญชีรับอนุญาต (ตามพระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2543)
  • ยื่นส่งภาษีมูลค่าเพิ่ม หากบริษัทมีการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม จะต้องยื่นแบบ ภ.พ.30 ทุกเดือน แม้ไม่มีรายการการค้า และให้ยื่นภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป (หรือหากยื่นผ่านอินเทอร์เน็ต สามารถยื่นได้ไม่เกินวันที่ 23 ของเดือนถัดไป) 
  • ยื่นส่งภาษีหัก ณ ที่จ่าย หากบริษัทมีการจ่ายค่าบริการ จะต้องทำการหัก ณ ที่จ่าย และนำส่งสรรพากร ภายในวันที่ 7 ของเดือนถัดไป 
  • ยื่นแบบ ภ.ง.ด.1 เงินเดือน ค่าจ้าง สำหรับพนักงานประจำ 
  • ยื่นแบบ ภ.ง.ด.3 ภาษีหัก ณ ที่จ่าย สำหรับบุคคลธรรมดาที่ไม่ใช่พนักงานประจำ
  • ยื่นแบบ ภ.ง.ด.53 ภาษีหัก ณ ที่จ่าย สำหรับนิติบุคคลไทย
  • ยื่นแบบ ภ.ง.ด.54 ภาษีหัก ณ ที่จ่าย สำหรับนิติบุคคลต่างประเทศ
  • ยื่นประกันสังคม: บริษัทที่ขึ้นทะเบียนนายจ้าง และมีพนักงานประจำ จะต้องนำส่งเงินสมทบประกันสังคม ด้วยแบบ สปส.1-10 ภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป 

ภาระหน้าที่รายปี

  • ยื่นภาษีเงินได้นิติบุคคล กลางปี: บริษัทต้องยื่นเสียภาษีเงินได้กลางปี โดยคำนวณจากประมาณการกำไรสุทธิทั้งปี (ยกเว้นบริษัทที่เปิดกิจการปีแรก ไม่ต้องยื่นภาษีกลางปี) โดยยื่นด้วยแบบ         ภ.ง.ด.51 ภายใน 2 เดือน นับจากรอบระยะเวลาบัญชี 6 เดือน
  • ยื่นภาษีเงินได้นิติบุคคล สิ้นปี: บริษัทต้องเสียภาษีเงินได้สิ้นปี จากกำไรสุทธิในปีที่ผ่านมา โดยใช้แบบ ภ.ง.ด.50 ภายใน 150 วัน นับแต่วันสิ้นรอบระยะเวลาบัญชี
  • ยื่นส่งงบการเงิน ต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า

 

 

สรุป

สำหรับผู้ประกอบการท่านใดที่ต้องการจดทะเบียนบริษัทเพื่อเข้าสู่ระบบธุรกิจแบบนิติบุคคลอย่างเต็มตัวก็ควรมีการเตรียมความพร้อมในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นข้อมูล เอกสารสำคัญต่างๆ การจัดเตรียม เรื่องบัญชีและภาษี นอกจากจะเป็นสิ่งที่ดำเนินการตามที่กฎหมายกำหนดแล้ว ยังเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับการเติบโตของธุรกิจในอนาคตอีกด้วย 

 

 


PEAK โปรแกรมบัญชีออนไลน์ มีบริการรับจดทะเบียนบริษัท จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือจดทะเบียนเลิกกิจการ เพิ่มทุนด้วยทีมงานสำนักงานบัญชีพันธมิตรที่คอยให้คำปรึกษาในทุกแง่มุมในการจดทะเบียนบริษัท เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือในการจัดตั้งกิจการ


ทดลองใช้งานโปรแกรมบัญชี PEAK ฟรี! 30 วัน มูลค่า 1,200 บาท
คลิก https://bit.ly/PEAK-TCC-Blog (ไม่มีค่าใช้จ่าย)
.
PEAK Call Center : 1485
LINE : @peakaccount
สอบถามเพิ่มเติม คลิก https://m.me/peakengine