เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2566 ดร.พจน์ อร่ามวัฒนานนท์ รองประธานกรรมการ หอการค้าไทย และประธานคณะกรรมการแรงงานและพัฒนาฝีมือแรงงาน ได้ร่วมเป็นวิทยากรเสวนาปากท้องคนไทยจะเป็นอย่างไรในปี 2567 “รดน้ำที่ราก เพื่อให้ต้นไม้งอกงามทั้งต้น” โดยได้นำเสนอประเด็นสำคัญดังนี้
ประเด็นการค้าระหว่างประเทศของไทย เดือนตุลาคม 2566 และ 10 เดือนแรกของปี 2566 ของไทย มีมูลค่า 23,578.8 ล้านเหรียญสหรัฐ (841,366 ล้านบาท) ขยายตัวร้อยละ 8.0 สิ่งสำคัญ การรดน้ำที่ราก คือการแก้ปัญหาที่รากเป็นหลัก ต้องทำให้เกษตรกรมีต้นทุนที่ถูก เชื่อว่าคนไทยทุกคนต้องการทำมาหากิน การสร้างรากหญ้าคือ การสร้างรายได้ หากรายได้ไม่พอ ก็เป็นบ่อเกิดให้กู้หนี้ อย่างไรก็ดี สำหรับเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน อยากให้เร่งเรื่องสำคัญคือแหล่งน้ำ การบริหารจักการน้ำ เป็นปัจจัยสำคัญต่อภาคเกษตร และการปรับเรื่องของอัตราดอกเบี้ยเพื่อให้ผู้ประกอบการขนาดเล็กอยู่ให้ได้
ทั้งนี้ ประสิทธิภาพแรงงานในภาคเกษตรของไทยยังอยู่ในระดับต่ำ แต่มีจำนวนมาก ต้องนำเทคโนโลยีเข้าไปช่วยส่งเสริมและพัฒนา และดึงกำลังแรงงานจากภาคเกษตรออกไปยังภาคอุตสาหกรรมและภาคบริการท่องเที่ยวให้เพิ่มมากขึ้น
ในส่วนมุมมองต่อสถานการณ์เศรษฐกิจไทย ปี 2566 และ ปี 2567 โดยมองว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยอ่อนแรงลงอย่างเห็นได้ชัด โดยเศรษฐกิจไทยในปี 2566 มีแนวโน้มเติบโตได้ที่ 2.5-3.0% อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจในไตรมาส 2 เติบโตเพียง 1.8% ต่ำกว่าประมาณการที่ 3.1% และภาคเศรษฐกิจที่อ่อนแรงได้แก่ภาคการผลิตอุตสาหกรรมที่มีการหดตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับมูลค่าการส่งออกที่ติดลบต่อเนื่องมา 10 เดือน ดังนั้น การลงทุนภาครัฐ ให้เกิดการขับเคลื่อน Mega Project ใหญ่ๆ เพื่อส่งผลไปยังรากหญ้าและประชาชนยังเป็นประเด็นสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ปี 2567
นำเสนอผลจากการสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ครั้งที่ 41 โดยมีข้อเสนอสมุดปกขาว ที่มี Highlight สำคัญในสมุดปกขาว 4 ประเด็น ได้แก่ 1) ประเทศไทยต้องยกระดับ Innovation Digital และนำเทคโนโลยี มาเพิ่มประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นสิ่งประเทศไทยยังขาดอยู่ 2) ขับเคลื่อนนโยบายเพิ่มจำนวนประชากรและพัฒนาประชากรให้มีคุณภาพ เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของโลก พร้อมเป็น Global Citizen ที่มีคุณภาพ 3) รัฐบาลควรสนับสนุนเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างเร่งด่วน เพื่อช่วยให้ธุรกิจ SMEs ฟื้นตัว ควบคู่ไปกับแก้ไขปัญหาหนี้ SMEs สร้างโอกาสให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนอย่างเป็นระบบ และ 4) ผลักดันโครงการพัฒนาเมืองรอง 10 จังหวัด เป็นเมืองหลัก ซึ่งจะเป็นโมเดลต้นแบบความร่วมมือภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนในพื้นที่ เกิดการยกระดับรายได้และลดความเหลื่อมล้ำให้กับประเทศไทย
พร้อมทั้ง นำเสนอนโยบายการเร่งพัฒนาและสร้างทรัพยากรมนุษย์ เพื่อทดแทนกำลังคนที่กำลังเข้าสู่ผู้สูงอายุ และยกระดับ Ecosystem ให้กับประเทศไทย โดยการนำคนต่างประเทศที่มีองค์ความรู้เฉพาะด้าน Digital Innovation เข้ามาต่อยอดและถ่ายทอดองค์ความรู้ให้คนไทย เพื่อกระตุ้นขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทย เป็นต้น
Cr. Labour & Fishery TCC-BOT