ย่อ / ขยาย

การบริหารจัดการแรงงานต่างด้าวในมุมมองภาคเอกชน

วันที่ 22 พฤศจิกายน 2566  ดร.พจน์  อร่ามวัฒนานนท์ รองประธานกรรมการ หอการค้าไทย และประธานคณะกรรมการแรงงานและพัฒนาฝีมือแรงงาน สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ได้รับเชิญให้บรรยายโครงการหลักสูตรกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ปี 2566 เรื่อง การบริหารจัดการแรงงานต่างด้าวในมุมมองภาคเอกชน ณ ศูนย์พัฒนาบุคลากรฝ่ายปกครอง วิทยาลัยการปกครอง จังหวัดปทุมธานี โดยมีผู้เข้าร่วมอบรม จำนวน 500 คน

 

ดร.พจน์  อร่ามวัฒนานนท์ ได้นำเสนอสถานการณ์ ปัญหาโครงสร้างแรงงานของประเทศไทย และความจำเป็นความต้องการแรงงานต่างด้าว โดยโครงสร้างกำลังแรงงานของประเทศไทย เดือนกันยายน ปี 256  ประเทศไทยมีประชากรผู้มีงานทำ  39.90  ล้านคน ประกอบด้วย ผู้มีงานทำภาคเกษตรกรรม  13  ล้านคน ผู้มีงานทำภาคการผลิต  6.04  ล้านคน  ผู้มีงานทำภาคบริการและการค้า  20.86 ล้านคน มีผู้ว่างงาน 0.34 ล้านคน เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนสิงหาคม 2566 จะมีผู้ว่างงานลดลง 0.56 แสนคน (จาก 3.98 แสนคน เป็น 3.42 แสนคน) และสถานการณ์อัตราการเกิดของประชากรประเทศไทย ในปี 2565 มีเด็กเกิดใหม่ เพียง 5.02 แสนคน  ถือเป็นอัตราการเกิดที่ต่ำที่สุดในรอบ 71 ปี ซึ่งอัตราการเกิดที่ลดลงจะส่งผลต่อการขาดแคลนแรงงานในอนาคต ในขณะที่ประชากรทั้งประเทศ ปี 2565 มีจำนวน 66,090,475 คนนั้น มีจำนวนผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น 12,698,362 หรือคิดเป็น 19.21% ในการจัดอันดับด้านศักยภาพของคนยังพบว่าไทยยังน้อยกว่าประเทศในกลุ่มอาเซียน ได้แก่ สิงคโปร์ บรูไน มาเลเซีย และเวียดนาม นอกจากนี้ การจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขัน ประจำปี 2565 โดย IMD World Competitiveness Center ลำดับประสิทธิภาพของภาคธุรกิจ (Business Efficiency) ประเทศไทยตกลงอันดับที่ 30 (ลดลง 9 ลำดับ) สะท้อนผลิตภาพและประสิทธิภาพแรงงาน

สำหรับเหตุผลความจำเป็นในการใช้แรงงานต่างด้าว สาระสำคัญโดยสรุปคือ ประเทศไทยขาดแคลนแรงงาน คนไทยไม่ทำงาน/เลือกงาน ประเภท 3D ได้แก่ งานหนัก (Difficult)  งานสกปรก (Dirty) และงานอันตราย (Dangerous) รวมทั้งประเทศไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ และสภาพเศรษฐกิจของประเทศที่เปลี่ยนแปลงไป

 

ความเป็นมาของการใช้แรงงานต่างด้าวจากอดีต-ปัจจุบัน  ประเทศไทยมีพรมแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้าน 3 ประเทศ เมียนมา ลาว และกัมพูชา ทั้งทางบกและน้ำ เป็นระยะทางยาว ทำให้เกิดการค้าขาย การเดินทางข้ามไป-มา หาสู่กันมาเป็นเวลานาน และจากสภาพเศรษฐกิจของไทยที่เติบโตอย่างรวดเร็ว เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน เป็นปัจจัยที่ดึงดูดประชากรจำนวนมากจากประเทศเพื่อบ้านเข้ามาขายแรงงานในประเทศไทย เพื่อโอกาสชีวิตที่ดีกว่า ประกอบกับสถานการณ์รุนแรงทางการเมืองภายในประเทศเพื่อบ้านที่เกิดขึ้นเป็นระยะ โดยเฉพาะในเมียนมา และระบบการปกครองที่ไม่มีประสิทธิภาพ เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้แรงงานอพยพย้ายถิ่นเข้ามาในประเทศไทยในระยะแรก ทั้งนี้ แรงงานต่างด้าวส่วนใหญ่จะรับจ้างทำงานบริเวณชายแดน ในกิจการเกษตร การทำสวนผลไม้ ปศุสัตว์  ต่อมา ได้ขยับเข้าไปทำงานในพื้นที่ตอนในเพิ่มมากขึ้น เป็นผลมาจากการขยายตัวในภาคอุตสาหกรรม และการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจของไทยที่มุ่งเน้นการส่งออกเป็นปัจจัยผลักดันเศรษฐกิจและตลาดแรงงานให้ขยายตัว มีความต้องการใช้แรงงานเข้มข้นระดับล่างจำนวนมากในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะในกิจการ 3D ซึ่งคนไทยไม่ต้องการทำ อาทิ ก่อสร้าง งานบริการ เกษตรแปรรูป ฯลฯ ทำให้ต้องหันไปพึ่งพาแรงงานไร้ฝีมือทดแทนจำนวนมากจากประเทศเพื่อนบ้าน ปัจจุบันข้อมูลจากสำนักงานบริหารแรงงานต่างด้าว ณ วันที่ 25 กันยายน 2566 มีแรงงานข้ามชาตอและกลุ่มที่ได้รับอนุญาตทำงานคงเหลือทั่วราชอาณาจักร จำนวน 2,593,439 คน

ถึงแม้ว่าจะมีความจำเป็นและต้องการแรงงาต่างด้าวจำนวนมาก แต่ก็มีปัญหาที่ประเทศไทยต้องกังวลในด้านต่างๆ ได้แก่ 1) ด้านเศรษฐกิจ อาทิ แรงงานต่างด้าวที่เข้ามาทำงานในประเทศไทยถือเป็นแรงงานมีทักษะ หากกลับประเทศต้นทาง จะทำให้สูญเสียกำลังแรงงานในอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานเข้มข้น 2) ด้านสังคม อาทิ อาชญากรรมและคุณภาพชีวิต  ปัญหาการลักลอบเข้าเมือง  ปัญหาด้านการศึกษา 3) สาธารณะสุข อาทิ  เกิดโรคระบาดใหม่ๆ การใช้บริการสาธารณสุขเกินอัตรากำลังที่จะสามารถรองรับได้ของโรงพยาบาล และความมั่นคง อาทิ สภาพภูมิประเทศของไทยที่มีแนวชายแดนติดต่อกับประเทศพม่า ลาว และกัมพูชา ที่เอื้อต่อการลักลอบเข้าเมือง อาจมีผลต่อการก่อความไม่สงบภายในประเทศ

ทั้งนี้ สำหรับประเด็น  4 ความท้าทายเร่งด่วนด้านแรงงาน

1) ขาดแคลนแรงงานไทย กำหนดทิศทางของประเทศไทยในการเจริญเติบโตของภาคธุรกิจเพื่อผลิตกำลังคนในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ บรูณาการหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อจัดทำข้อมูลฐานแรงงานของประเทศไทย (Big Data) สนับสนุนนโยบายภาษีเพื่อการปรับปรุงเครื่องจักรและองค์ความรู้ (Knowhow) สำหรับผู้ประกอบการ

2) แรงงานต่างด้าวอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานเข้มข้น จัดทำยุทธศาสตร์และแผนงานนำเข้าแรงงานต่างด้าวระยะยาว จัดระเบียบการขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าวใหม่ผ่านศูนย์เบ็ดเสร็จด้านแรงงาน (OSS) ดำเนินการโครงการป้องกันการค้ามนุษย์ด้านแรงงานและการคุ้มครองสิทธิ ลดขั้นตอนและค่าใช้จ่ายการนำเข้าแรงงานต่างด้าวในอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานเข้มข้นแรงงาน

3) การผลิตภาพแรงงาน เพิ่มศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงานให้ครบทุกจังหวัดทั่วประเทศ ขยายมาตรฐานฝีมือแรงงาน (จำนวน 272สาขา) และอัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือ (จำนวน 129 สาขา) ให้ครอบคลุมทุกสาขาอาชีพส่งเสริม “คูปองฝึกทักษะ Re-Skill & Up-Skill” เพื่อสามารถไปรับการฝึกทักษะที่ต้องการได้จากผู้ให้บริการฝึกอบรมที่มีคุณภาพ

4) อัตราตอบแทนค่าจ้างที่เหมาะสมกับลูกจ้างและเศรษฐกิจ การปรับขึ้นอัตราค่าจ้าง ควรยึดตามมาตรา 87 แห่ง พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 และ ILO ไม่ควรปรับค่าจ้างขั้นต่ำเท่ากันทั้งประเทศ ใช้กลไกการพิจารณาจากคณะอนุกรรมการพิจารณาอัตราค่าจ้างขั้นต่ำจังหวัด และคณะกรรมการค่าจ้าง (ไตรภาคี) การปรับอัตราจ้างควรพิจารณาจากทักษะฝีมือแรงงาน

สุดท้ายนี้ เรื่องการป้องกันและแก้ไขปัญหาแรงงานต่างด้าวในบทบาทของภาคเอกชน หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ร่วมกับ กระทรวงแรงงาน โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ได้ดำเนินการป้องกันปัญหาการละเมิดสิทธิแรงงานและการค้ามนุษย์ในกระบวนการผลิตตลอดห่วงโซ่การผลิต ให้ปราศจากการละเมิดสิทธิแรงงาน เป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตแรงงาน ซึ่งเป็นประเด็นที่ประเทศคู่ค้าและผู้ซื้อรายใหญ่ในต่างประเทศให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งได้มีการลงนามบันทึกข้อตกลง MOU ร่วมกัน ระหว่างหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กระทรวงแรงงาน เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2565 เพื่อส่งเสริม สนับสนุน ให้สถานประกอบกิจการที่เป็นสมาชิกของหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ตระหนักถึงความสำคัญของความรับผิดชอบทางสังคมด้านแรงงาน และนำแนวปฏิบัติการใช้แรงงานที่ดี (GLP) ไปปฏิบัติ ปัจจุบันมีสถานประกอบกิจการที่นำแนวปฏิบัติการใช้แรงงานที่ดี (GLP)ไปใช้ในการบริหารจัดการด้านแรงงาน จำนวน 27,785 แห่ง  ยกระดับคุณภาพลูกจ้าง จำนวน 2,048,650 คน โดยมีสถานประกอบการที่นำตราสัญลักษณ์ GLP ไปใช้สร้างภาพลักษณ์ที่ดี จำนวน  1,261  แห่ง  (ข้อมูล ณ วันที่ 30 กันยายน 2566)

 

พร้อมกันนี้ ขอเชิญชวนผู้ประกอบการทั่วประเทศ  “นำแนวปฏิบัติการใช้แรงงานที่ดี (GLP)” ไปใช้ปฏิบัติต่อแรงงานอย่างมีจริยธรรมและสอดคล้องกับกฏหมายแรงงานของประเทศ  ฟรี ... ไม่มีค่าใช้จ่าย !!  ดูรายละเอียดที่นี่ https://shorturl.asia/3S7Nc

Cr. Labour & Fishery TCC-BO

ข่าวอื่นๆ