เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2566 ดร.พจน์ อร่ามวัฒนานนท์ รองประธานกรรมการ หอการค้าไทย และ ประธานคณะกรรมการแรงงานและพัฒนาฝีมือแรงงาน และ คุณวิบูลย์ สุภัครพงษ์กุล กรรมการ หอการค้าไทย ได้เข้าพบ คุณพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน พร้อมทั้ง ร่วมแสดงความยินดีกับ คุณไพโรจน์ โชติกเสถียร ในโอกาสได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง ปลัดกระทรวงแรงงาน ณ ห้องประชุมกระทรวงแรงงาน โดยมีสาระสำคัญดังนี้
ดร.พจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานคณะกรรมการแรงงานและพัฒนาฝีมือแรงงาน หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ได้กล่าว ขอขอบคุณผู้บริหาร กระทรวงแรงงาน ที่ได้ผลักดันมาตรการบริหารจัดการแรงงานต่างด้าว ต่อคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 66 ได้แก่ 1) ลดค่าธรรมเนียมการตรวจลงตรา ครั้งละ 2,000 บาท เหลือ 500 บาท และค่าธรรมเนียมคำขออนุญาตเพื่ออยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวต่อไป จากครั้งละ 1,900 บาท เหลือครั้งละ 500 บาท 2) มาตรการผ่อนผันให้แรงงานต่างด้าว ตามมติ ครม.เมื่อวันที่ 5 ก.ค.66 ดำเนินการตามแนวทางกรมการจัดหางานกำหนด สามารถอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษและทำงานได้ถึงวันที่ 13 ก.พ.68 และ 3) มาตรการผ่อนผันให้แรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติ (กัมพูชา ลาว และเมียนมา) ที่เข้ามาทำงาน ตาม MOU ซึ่งวาระการจ้างงานครบ 4 ปี (ระหว่างวันที่ 1 พ.ย. 63 - 31 ธ.ค. 66) อยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษและทำงานเป็นการชั่วคราว ถึงวันที่ 30 เม.ย.67
พร้อมทั้งได้หารือนโยบายการปรับค่าจ้างขั้นต่ำประจำปีของประเทศไทย โดยหอการค้าไทย ยังยืนยันเห็นด้วยกับการปรับอัตราค่าตอบแทนให้เป็นไปตามสถานการณ์เศรษฐกิจและสังคมของประเทศ เพื่อให้ลูกจ้างมีคุณภาพชีวิตที่ดี โดยใช้กลไกการพิจารณาจากคณะอนุกรรมการพิจารณาอัตราค่าจ้างขั้นต่ำจังหวัดและคณะกรรมการค่าจ้าง (ไตรภาคี) และใช้หลักเกณฑ์การปรับขึ้นอัตราค่าจ้างตามมาตรา 87 แห่ง พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 และองค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) โดย ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เห็นด้วยกับข้อเสนอแนะของหอการค้าไทย พร้อมทั้งสั่งการให้สำรวจความคิดเห็นไตรภาคีจังหวัดโดยด่วน
อีกทั้งหารือนโยบายเพิ่มผลิตภาพแรงงาน ซึ่งหอการค้าไทย เห็นด้วยกับ ท่านรัฐมนตรีกระทรวงแรงงาน ในการเตรียมโครงการเพื่อยกระดับและพัฒนาเยาวชนไทยให้เป็นแรงงานฝีมือที่มีประสิทธิภาพและตรงตามความต้องการของตลาดแรงงาน ทั้งนี้ หอการค้าฯ เสนอให้เพิ่มศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงานให้ครบทุกจังหวัดทั่วประเทศ พร้อมทั้งขยายมาตรฐานฝีมือแรงงาน (จำนวน 272 สาขา) และอัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือ (จำนวน 129 สาขา) ให้ครอบคลุมทุกสาขาอาชีพ และสอดรับกับอัตราตอบแทนค่าจ้าง โดยคณะกรรมการแรงงานฯ จะนำคณะกรรมการฯ เข้าพบหารือร่วมกับผู้บริหารกระทรวงแรงงานในโอกาสต่อไป
Cr:Labor&Fishery TCC-BOT