วันที่ 12 มีนาคม 2568 คุณวิบูลย์ สุภัครพงษ์กุล กรรมการ และ คุณอดิศร์ กฤษณวงศ์ กรรมการบริหาร หอการค้าไทย ได้เข้าร่วมประชุมกำหนดมาตรการบริหารจัดการผลไม้ ปี 2568 โดยมี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (คุณพิชัย นริพทะพันธุ์) เป็นประธาน เพื่อติดตามสถานการณ์การผลิต การตลาดผลไม้ตลอดฤดูการผลิต ปี 68 โดยมีสรุปสาระสำคัญการประชุมฯ ดังนี้
สถานการณ์การส่งออกสินค้าผลไม้ ปี 2567 ประเทศไทยมีการส่งออกผลไม้สดและแปรรูป รวมปริมาณ 4,013 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่า 305,881 ล้านบาท หรือ 8,631 ล้านเหรียญสหรัฐ ได้แก่ 1) ผลไม้สด ปริมาณ 1,957 ล้านตัน มูลค่า 183,823 ล้านบาท หรือ 5,149 ล้านเหรียญสหรัฐ (เพิ่มขึ้น 4.66%) 2) ผลไม้แช่เย็น แช่แข็งปริมาณ 0.105 ล้านตัน มูลค่า 24,172 ล้านบาท หรือ 693 ล้านเหรียญสหรัฐ (ลดลง 9.38%) 3) ผลไม้แห้งและอื่นๆ ปริมาณ 0.538 ล้านตัน มูลค่า 23,406 ล้านบาท หรือ 668 ล้านเหรียญสหรัฐ (ลดลง 13.94%) และผลไม้แปรรูป ปริมาณ 1.413 ล้านตัน มูลค่า 74,480 ล้านบาท หรือ 2,121 ล้านเหรียญสหรัฐ (เพิ่มขึ้น 18.30%) ซึ่งตลาดส่งออกที่สำคัญในปี 2567 ได้แก่ จีน 70.24% สหรัฐอเมริกา 9.53% เกาหลีใต้ 1.66% มาเลเซีย 1.35% และเวียดนาม 1.34% สำหรับเป้าหมายการส่งออกในปี 2568 คือ ผลไม้สดและแปรรูป ปริมาณ 4.13 ล้านตัน (เพิ่มขึ้น 3%) มูลค่า 308,000 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 2%) และผลไม้สด ปริมาณ 2.0 ล้านตัน (เพิ่มขึ้น 2%)
รายงานสถานการณ์ด้านการผลิต การตลาดผลไม้ ปี 2568 คาดการณ์ปริมาณผลผลิตผลไม้ 9 ชนิด ซึ่งมาจากเกษตรกรผู้ปลูกผลไม้ 1.15 ล้านครัวเรือน มีผลผลิตรวม 6.736 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 15% หรือ 0.858 ล้านตันจากปี 2567 (5.878 ล้านตัน) โดยทุเรียนมีการเติบโตของผลผลิตที่โดดเด่นที่สุด 1.767 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 37% ลำไย 1.456 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 1% มะม่วง 1.343 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 10% สับปะรด 1.105 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 17% มังคุด 0.279 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 2% ส้มเขียวหวาน 0.270 ล้านตัน ลิ้นจี่ 0.244 ล้านตัน ลองกอง 0.048 ล้านตัน และกระท้อน 0.023 ล้านตัน
มาตรการบริหารจัดการผลไม้ ปี 2568 โดยกระทรวงพาณิชย์ ตั้งเป้าหมาย 950,000 ตัน ภายใต้ 7 มาตรการ (25 แผนงาน) ได้แก่
มาตรการ 1 : สร้างความเชื่อมั่นผลผลิต (4 แผนงาน) ได้แก่ 1) เร่งตรวจและรับรองแปลง GAP 120,000 แปลง 2) Set Zero สร้างความเชื่อมั่นผลไม้ไทย (Big Cleaning / “4 ไม่”) 3) ตั้ง War Room ผลักดันการส่งออกผลไม้ไทย และ 4) ตั้งชุดเฉพาะกิจเจรจาจีน
มาตรการ 2 : ส่งเสริมตลาดในประเทศ (8 แผนงาน) ได้แก่ 1) เชื่อมโยงตลาดล่วงหน้า 159,000 ตัน 2) กระจายออกนอกแหล่งผลิต 90,000 ตัน 3) สนับสนุนค่าบริหารจัดการผลไม้ระหว่างประเทศ 100,000 ตัน 4) จัดรณรงค์บริโภคผลไม้ (Thai Fruits Festival) 346,500 ตัน 5) สนับสนุนบรรจุภัณฑ์เพื่อการค้า Online Offline 3,500 ตัน 6) โหลดผลไม้ขึ้นเครื่องฟรี 20 กก. 100 ตัน 7) จัดกิจกรรม CSR (คนตัวใหญ่ช่วยคนตัวเล็ก) 40,000 ตัน และ 8) ยกระดับสร้างอัตลักษณ์ผลไม้ไทย 5 สินค้า
มาตรการ 3 : ส่งเสริมการแปรรูปและปรับพืชเกษตรให้เหมาะสม (2 แผนงาน) ได้แก่ 1) แปรรูปผลไม้ในช่วงกระจุกตัวสูง 220,000 ตัน (ทุเรียน มะม่วง ลำไย) และ 2) สนับสนุนการปลูกพืชสวนแทนพิชไร่ (กล้วยหอม มะพร้าวน้ำหอม)
มาตรการ 4 : ส่งเสริมตลาดต่างประเทศ (4 แผนงาน) ได้แก่ 1) มหกรรมการค้าขายแดน/เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ 3 ภาค 2) จับคู่ธุรกิจ 1,000 ลบ. 3) ส่งเสริมการขายในต่างประเทศ 254 ลบ. (In-Store Promotion 15 โครงการ / E – Commerce 3 กิจกรรม) และ 4) ร่วมงานแสดงสินค้านานาชาติ 9,458 ลบ.
มาตรการ 5 : ยกระดับสินค้าผลไม้ไทย (3 แผนงาน) ได้แก่ 1) ประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางต่างๆ 2) ผลักดันการใช้ประโยชน์จาก FTA 50 ลบ. (กล้วยไทยไปญี่ปุ่น) และ 3) เจรจาผ่อนคลายมาตรการทางการค้าระหว่างประเทศ
มาตรการ 6 : แก้ไขอุปสรรคโลจิสติกส์ อำนวยความสะดวกการค้า (2 แผนงาน) ได้แก่ 1) ผ่อนปรนเคลื่อนย้ายแรงงาน (พาณิชย์ - มหาดไทย - แรงงาน) และ 2) สนับสนุนการคัดแยก-ขนย้าย
มาตรการ 7 : กฎหมาย (2 แผนงาน) ได้แก่ 1) ปิดป้ายแสดงราคารับซื้อ 08.00 น. หรือทันทีที่เปิดรับซื้อ รับซื้อตามราคาที่ปิดป้าย และ 2) การป้องกันและปราบปราม (5 กฎหมาย)