ส่องความเชื่อมั่นเอกชนไทย 5 ภาค ผ่าน TCC CONFIDENCE INDEX ประจำเดือน พฤศจิกายน 2567

เปิดผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทย TCC CONFIDENCE INDEX ประจำเดือน ตุลาคม 2567

โดยศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยโดยรวม อยู่ที่ 50.4 ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสในการหางาน อยู่ที่ 54.3 และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคต อยู่ที่ 66.1 ซึ่งดัชนีทุกตัวปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ในรอบ 9 เดือน ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค (CCI) เดือนพ.ย. 67 อยู่ที่ 56.9 เพิ่มสูงขึ้นในรอบ 9 เดือน นับว่า ปรับตัวดีขึ้นจากระดับ 56.0 ในเดือนต.ค. 67 ซึ่งเป็นการปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 เช่นเดียวกัน เนื่องจากผู้บริโภคเริ่มเห็นว่ามาตราการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ช่วยผ่อนคลายให้สถานการณ์เศรษฐกิจเริ่มปรับตัวดีขึ้น และการท่องเที่ยวในประเทศเริ่มปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง หลังจากเหตุการณ์น้ำท่วมที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ แม้ว่าสถานการณ์เศรษฐกิจโดยรวมยังคงฟื้นตัวช้า ค่าครองชีพสูง ตลอดจนสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน กับอิสราเอลกับฮามาสในฉนวนกาซาที่ยังคงยืดเยื้อ ส่งผลกระทบทางจิตวิทยาในเชิงลบต่อกำลังซื้อภายในประเทศทั้ง ภาคการท่องเที่ยว ภาคการส่งออก ธุรกิจโดยทั่วไป และการจ้างงานในอนาคต แต่อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจไทยยังคงมีปัจจัยสนับสนุนในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ดังนี้

  • สศช. เผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 3 ปี 2567 ว่า เศรษฐกิจขยายตัว 3.0% เร่งขึ้นจากการขยายตัว 2.2% ในไตรมาส 2ปี 2567ส่วนช่วง 9 เดือนของปี 2567 ขยายตัว 2.3% โดยทั้งปี 2567คาดจะขยายตัว 2.6%
  • รัฐบาลดำเนินโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ ให้แก่กลุ่มเป้าหมายรวม 14.55 ล้านคน โดยเริ่มการโอนเงิน 10,000 บาท ตั้งแต่วันที่ 25 กันยายน 2567 เป็นต้นไป
  • จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการยกเว้นการยื่นวีซ่านักท่องเที่ยว รวมการขยายระยะเวลาการพำนักของนักท่องเที่ยว ส่งผลให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในประเทศมากขึ้นและกิจกรรมทางเศรษฐกิจในภูมิภาคต่างๆ ปรับตัวดีขึ้น
  • การส่งออกของไทยเดือน ต.ค. 67 ขยายตัวร้อยละ 14.6 มูลค่าอยู่ที่ 27,222.05 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และการนำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.1 มีมูลค่าอยู่ที่ 28,016.40 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ส่งผลให้ขาดดุลการค้า 794.35 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
  • ราคาพืชผลทางการเกษตรหลายรายการปรับตัวดีขึ้นหรือทรงตัวส่งผลให้เกษตรกรเริ่มมีรายได้สูงขึ้น และกำลังซื้อในต่างจังหวัดเริ่มปรับตัวดีขึ้น
  • ครม. มีมติเห็นชอบขยายเวลาคงอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ไว้ที่ 7% ต่ออีก 1ปี โดยนับตั้งแต่วันที่ 1ตุลาคม 2567 ถึง 30 กันยายน 2568 เพื่อส่งเสริมการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ
  • มาตรการภาษีเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในเมืองรอง 55 จังหวัด โดยให้มีผลตั้งแต่ พ.ค. –พ.ย. 2567 

ข้อเสนอแนะต่อภาครัฐ

  • ดูแลบริหารจัดการน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของประชาชน เพื่อรองรับกับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป
  • มาตรการดูแลราคาสินค้าที่เป็นต้นทุนของภาคธุรกิจให้มีความเสถียรภาพ
  • ดูแลรักษาอัตราแลกเปลี่ยนให้มีความเหมาะสมต่อการส่งออก รวมทั้งไม่ให้อัตราแลกเปลี่ยนผันผวน
  • มาตรการส่งเสริมความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนทั้งชาวไทยและต่างชาติ เพื่อกระตุ้นสภาพเศรษฐกิจภายในประเทศ
  • ดูแลเยียวยาช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ภัยธรรมชาติทั้งที่คลี่คลายไปแล้วและบางพื้นที่กำลังเผชิญอยู่
  • รักษาเสถียรภาพทางด้านการเงินให้สมดุล เพื่อรองรับกับการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์เศรษฐกิจโลก

 

 

รับฟังการถ่ายทอดสดย้อนหลัง https://www.facebook.com/utccnews/videos/592940286605017?locale=th_TH

ดาวน์โหลดเอกสาร https://cebf.utcc.ac.th/upload/index_file/file_th_647d12y2024.pdf

 

ที่มา : หอการค้าไทย ร่วมกับ ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย
เรียบเรียงและจัดทำโดย ฝ่ายนโยบายยุทธศาสตร์ หอการค้าไทย

ข่าวอื่นๆ