การเข้าร่วมการประชุม APEC Policy Partnership on Food Security (PPFS) Plenary 2024 ภายใต้กรอบเอเปค

เมื่อวันที่ 12-18 สิงหาคม 2567 คุณชูศักดิ์ ชื่นประโยชน์ รองประธานกรรมการ หอการค้าไทย และคุณสุกัญญา ใจชื่น รองประธานกรรมการคณะกรรมการเพิ่มมูลค่าพืชเกษตร หอการค้าไทย ได้เข้าร่วมการประชุมหุ้นส่วนเชิงนโยบายด้านความมั่นคงอาหาร (Policy Partnership on Food Security :PPFS) ภายใต้กรอบเอเปค และการประชุมทีเกี่ยวข้อง ณ เมืองทรูจิลโล ประเทศเปรู โดยการประชุมดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อหารือข้อสรุปเกี่ยวกับการดำเนินงาน PPFS สำหรับปี 2567 และแผนการดำเนินงานในปี 2568 เสนอต่อรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับด้านความมั่นคงทางทางอาหาร ซึ่งจะมุ่งเน้นที่จะลดและป้องกันการสูญเสียทางอาหาร (Food Loss and Waste)

อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมได้แสดงความกังวลต่อการดำเนินงานที่ผ่านมาร่วมกันระหว่างภาครัฐและเอกชนภายในภูมิภาคเอเปค ที่ยังขาดความร่วมมือกันในหลายเขตเศรษฐกิจ โดยคุณชูศักดิ์ฯ ได้แบ่งปันข้อมูลและนำเสนอการปฏิบัติของภาคเอกชนไทยที่สอดคล้องกับแนวนโยบายรัฐบาลไทย ทั้งในด้านการลดการสูญเสียทางอาหาร (Food loss) ผ่านโครงการส่งมอบอาหารส่วนเกินจากผู้ผลิตสู่ผู้บริโภคที่ขาดแคลนอาหาร ตลอดจนโครงการขับเคลื่อน IGNITE Thailand ของภาครัฐไทย ที่ส่งเสริมการพัฒนาสินค้าเกษตรและปศุสัตว์ที่มีศักภาพของไทย อาทิ กาแฟ เนื้อโค ถั่วเหลือง เป็นต้น

ที่ประชุมได้มีการหารือเพื่อรวบรวมข้อเสนอแนะต่อแผนการดำเนินงานในปีถัดไป ภายใต้การขับเคลื่อนแผน Food Security Roadmap Toward 2030 เพื่อนำไปสู่การพัฒนาความมั่นคงทางอาหารอย่างยั่งยืน การจัดทำหลักการการลดการสูญเสียอาหารและขยะอาหาร (Principles for Preventing and Reducing Food Loss and Waste : FLW) ในภูมิภาคเอเปค รวมทั้งได้มีการนำข้อเสนอแนะไปปรับปรุงรายละเอียดใน Terms of Reference หรือ TOR ของ PPFS สำหรับการต่ออายุสัญญาที่จะมีขึ้นในปี 2568 ซึ่งมุ่งเน้นการหาและจูงใจตัวแทนภาคเอกชนในลักษณะองค์กรที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น อาทิ หอการค้า หรือ สมาคมที่เกี่ยวข้องจากทุกเขตเศรษฐกิจเอเปคให้เข้ามามีส่วนร่วมในการประชุม PPFS เพื่อให้เกิดความร่วมมือในการขับเคลื่อนการกำหนดนโยบายความมั่นคงอาหาร ร่วมกันระหว่างภาครัฐและเอกชนอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป

นอกจากนี้ ได้เข้าร่วมศึกษาดูงานและรับฟังบรรยายสรุปด้านการบริหารจัดการไร่บลูเบอรี่ และอโวคาโด เพื่อให้มีผลผลิตที่เพียงพอและต่อเนื่องนำไปสู่ความมั่นคงทางอาหาร โดยไร่ดังกล่าวได้มีการมุ่งเน้นการบริหารจัดการและจัดเตรียมดูแลทรัพยากรสำคัญที่จำเป็นต่อการเพาะปลูกโดยมีการบริหารจัดการระบบชลประทานภายในไร่อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อให้มีทรัพยากรน้ำเพียงพอใช้ในการเกษตรช่วงที่ต้องเผชิญต่อภัยทางธรรมชาติจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ไต้ฝุ่น และภาวะโลกร้อน พร้อมทั้งยังมีการปรับปรุงและพัฒนาคุณภาพของดินและปุ๋ยออแกนิค เนื่องจากพื้นที่เพาะปลูกในไร่เป็นดินทรายจึงจำเป็นอย่างยิ่งในการเตรียมดินที่มีแร่ธาตุสำคัญที่เพียงพอ นอกจากนี้ไร่ดังกล่าวยังมีการดูแลจัดการด้านปริมาณผลผลิตรวมไปถึงกระบวนการขนส่งและมาตรฐานรับรองสินค้าเกษตรเพื่อรองรับการส่งออกสินค้าไปยังต่างประเทศโดยมีรัฐบาลเปรูเข้ามาช่วยให้การสนับสนุน

 

ข่าวอื่นๆ