เมื่อเดือนที่แล้ว กระทรวงพาณิชย์มีการหารือร่วมกับภาคเอกชน เพื่อจัดทำแผนเร่งรัดการส่งออกและการค้าชายแดน ในช่วงที่เหลือของปี 2566 ต่อเนื่องถึงปี 2567 รวมทั้งตั้งเป้าหมายการส่งออกในปีหน้า ว่าจะขยายตัว 1.99% หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 10 ล้านล้านบาท ซึ่งก็ใกล้เคียงกับตัวเลขที่ภาคเอกชนประเมินไว้ที่ประมาณ 1-2%
แม้ว่าเศรษฐกิจโลกจะยังมีสัญญาณความไม่แน่นอนอยู่มากพอสมควร แต่เรายังเชื่อว่าตัวเลขการส่งออกในปีหน้าจะยังเป็นบวก เพราะสินค้าไทยยังเป็นที่ต้องการของตลาดโลกอยู่อีกมาก รวมทั้งน่าจะมีมาตรการต่าง ๆ ออกมาช่วยเหลือผู้ส่งออกของไทย เพราะถือเป็นเครื่องยนต์หลักตัวหนึ่งสำหรับการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ ดังนั้น หากสมาชิกท่านใดมีเป้าหมายการขยายตลาดต่างประเทศ ต้องติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด
หนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยสนับสนุนผู้ที่กำลังมองหาโอกาสในตลาดต่างประเทศ คือ โครงการ “SMEs Pro-active” ซึ่งช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs โดยการสนับสนุนเงินทุนสำหรับการไปออกบูธเพื่อแสดงสินค้าที่ต่างประเทศ ทั้งรูปแบบ Online และ Offline โดยขอได้ 6 ครั้งในแต่ละรูปแบบกิจกรรม สูงสุดครั้งละ 200,000 บาท (เบิกจ่ายตามจริง) ใน 4 รูปแบบกิจกรรม ดังนี้
1. ออกบูธงานแสดงสินค้าต่างประเทศ (Overseas Trade Fair) โดยงานนั้น ๆ จัดขึ้นเพื่อการเจรจาธุรกิจการค้า (Business to Business) ซึ่งรวมถึงงาน แสดงสินค้ารูปแบบไฮบริด (Hybrid Exhibition Trade Show) ที่ผสมผสานรูปแบบงานแสดงสินค้าแบบดั้งเดิม กับการจัดแสดงงานผ่านระบบออนไลน์ และเป็นงานที่อยู่ในบัญชีรายชื่องานแสดงสินค้า/บริการที่ได้รับการรับรอง (Qualified Exhibition List: QEL) หรืองานที่จัดโดยผู้จัดงานที่ได้มาตรฐาน (Qualified Organizer List: QOL)
2. กิจกรรมสร้างโอกาสทางการค้าและเครือข่ายทางธุรกิจในต่างประเทศ (Business Opportunities & Partnership: BOP) อาทิ
• กิจกรรมเจรจาธุรกิจ (Business Matching) ซึ่งต้องเป็นกิจกรรมการเจรจาการค้าแบบ Pre-Scheduled Face-to-Face meeting หรือกิจกรรมสร้างเครือข่าย อาทิ Networking Luncheon, Dinner
• กิจกรรมนำเสนอผลงาน (Business Pitching) เพื่อขายและ/หรือระดมเงินทุน โดยต้องมีลักษณะกิจกรรมการประกวดแข่งขัน การนำเสนอผลงาน/แผนงานทางธุรกิจ ซึ่งรวมถึงการเตรียมความพร้อมก่อนเข้าร่วมกิจกรรมด้วย
• กิจกรรมเจรจาธุรกิจในรูปแบบ Showroom ในช่วงการจัดงาน Fashion Week ในต่างประเทศ
3. งานแสดงสินค้า/บริการเสมือนจริงในต่างประเทศ (Virtual Exhibition) ขอได้ 6 ครั้ง ครั้งละไม่เกิน 50,000 บาท โดยเป็นงานที่จัดขึ้นเพื่อการเจรจาธุรกิจการค้า (Business to Business) ที่อยู่ในบัญชีรายชื่อ งานแสดงสินค้า/บริการเสมือนจริงในต่างประเทศที่ได้รับการรับรอง (Qualified Virtual Exhibition List: QVL) หรืองานที่จัดโดยผู้จัดงานที่ได้มาตรฐาน (Qualified Organizer List: QOL)
4. กิจกรรมส่งเสริมการค้าพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ข้ามพรมแดน (Cross-Border e-Commerce) ขอได้ 6 ครั้ง ครั้งละไม่เกิน 100,000 บาท โดยเป็นการเข้าร่วมกิจกรรมส่งเสริมการค้าออนไลน์บน Platform เฉพาะ ประเภท Business to Business ที่อยู่ในบัญชีรายชื่อแพลตฟอร์มพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ที่ได้รับการรับรอง (Qualified Cross-Border e-Commerce List: QCL)
โครงการ “SMEs Pro-active” ถือเป็นตัวช่วยที่ดีให้กับ SMEs และเป็นสิทธิประโยชน์ดี ๆ ให้กับสมาชิกของหอการค้าฯ หากท่านใดสนใจ สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://smesproactive.ditp.go.th หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 02-018-6888 ต่อ 5180 หรือ 02-018-6977
ตัวช่วยดี ๆ แบบนี้...ลองใช้กันดูนะคะ