Connecting Members Ep11 : ความไม่รู้..แพงกว่าความรู้เสมอ

Connecting Members Ep11 : ความไม่รู้..แพงกว่าความรู้เสมอ

ความไม่รู้...แพงกว่าความรู้เสมอ

     “ความไม่รู้..แพงกว่าความรู้เสมอ” ขออนุญาตใช้คำพูดของสมาชิกท่านหนึ่งที่ผ่านการบ่มเพาะจากหอการค้าไทยมาเป็นตัวเปิดเรื่องในวันนี้ เพราะจะชี้ให้เห็นว่า การเป็นผู้ประกอบการที่จะประสบความสำเร็จในปัจจุบันได้นั้น “ไม่ง่าย” หากปราศจากซึ่งองค์ความรู้ที่ดี และเหมาะสมกับการดำเนินธุรกิจ


     20 มิถุนายนที่ผ่านมา คือวันที่มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย มีอายุครบ 60 ปี ซึ่งถือเป็นความภาคภูมิใจของชาวหอการค้าฯ เป็นอย่างมาก เพราะเราคือหอการค้าฯ (อาจจะเป็นแห่งเดียวในโลก) ที่มีมหาวิทยาลัยเป็นของตัวเอง เรามีสถาบันทางวิชาการ เป็นคลังสมองทางด้านเศรษฐกิจระดับแนวหน้าของประเทศ และได้รับการยอมรับ ทั้งจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน

     จริง ๆ แล้ว คณะกรรมการหอการค้าไทยในอดีตได้จัดตั้ง “วิทยาลัยการค้า” (มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยในปัจจุบัน) ขึ้นตั้งแต่ปี 2483 โดยมีความคิดว่า “คนในสมัยนั้นส่วนใหญ่นิยมให้ลูกหลานรับราชการ ทำให้ขาดบุคลากรที่มีประสิทธิภาพทางด้านการค้า แต่หากมีโรงเรียนทางด้านการค้าเพื่อสร้างบุคลากรขึ้นโดยเฉพาะ ก็น่าจะเป็นผลดีต่อภาคธุรกิจการค้าของประเทศ” ซึ่งก็ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก มีนักเรียนเข้าเรียนกว่า 300 คน โดยใช้สำนักงานของหอการค้าไทยที่ตึกพาณิชย์ภัณฑ์ สนามเสือป่า เป็นห้องเรียน

     หลักสูตรที่กำหนดไว้มีระยะเวลา 2 ปี โดยสอนวิชาบัญชี การขายของ การโฆษณา การพาณิชย์ การเลขานุการ กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ภาษาอังกฤษการค้า สถิติ และวิชาเศรษฐศาสตร์ของการค้า แต่เปิดเรียนได้ปีกว่า ก็เกิดสงครามมหาเอเชียบูรพาขึ้น รัฐบาลได้นำอาคารเรียนไปใช้เป็นที่ประสานงานระหว่างไทยกับญี่ปุ่น วิทยาลัยจึงต้องยุบเลิกไปโดยปริยาย กระทั่งปี 2506 ซึ่งหอการค้าไทยย้ายมาอยู่ที่ ถ.ราชบพิธแล้ว ก็ได้รื้อฟื้นการเรียนการสอนขึ้นมาใหม่อีกครั้ง หลังจากที่หยุดไปนานถึง 22 ปี

     เส้นทางจากจุดเริ่มต้นจนเติบโตมาถึงปัจจุบันนั้นไม่ง่ายเลย เชื่อว่านักศึกษาในรุ่นแรก ๆ ทราบดี ทั้งในเรื่องสถานที่ การพัฒนาหลักสูตรให้เป็นที่ยอมรับ การรับรองมาตรฐานการศึกษาจากภาครัฐ ไปจนถึงการประสาทปริญญาบัตร เมื่อครั้งจะยกฐานะขึ้นเป็นมหาวิทยาลัย แต่วันนี้ มหาวิทยาลัยของเราขึ้นมายืนอยู่ในอันดับ Top 401-450 University in Asia 2022 ได้อย่างเต็มภาคภูมิ

     หลายคนไม่รู้ว่ามหาวิทยาลัยหอการค้าไทยในปัจจุบัน เชื่อมโยงกับมหาวิทยาลัยระดับโลกหลายแห่ง เพื่อนำองค์ความรู้ระดับโลกเหล่านี้ มาพัฒนาบุคลากรและผู้ประกอบการของไทย อาทิ มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด มหาวิทยาลัยนิวคาสเซิล มหาวิทยาลัยฮาเบอร์สเปซ และมหาวิทยาลัยหมิงฉวน นอกจากนั้น ยังได้ไปเปิดการเรียนการสอนหลักสูตร MBA ที่เมียนมา ตั้งแต่ปี 2555 ที่มีนักศึกษาสำเร็จไปแล้วมากกว่า 1,000 คน

     สำหรับผู้ประกอบการ เรายังมีหลักสูตรเฉพาะ หลักสูตรระยะสั้นอีกมากมาย เช่น หลักสูตรผู้บริหารระดับสูงด้านการค้าและการพาณิชย์ (TEPCoT) หลักสูตรผู้บริหารระดับสูงด้านนวัตกรรมการบริการ ToPCATS, Top Executive Program on China Business Insights and Network (TEPCIAN) หลักสูตรผู้บริหารระดับสูงความร่วมมือ ญี่ปุ่น-ไทย (J ToP), หลักสูตรสุนทรียศาสตร์และศิลป์สำหรับผู้บริหารระดับสูง หรือ Aesthetics ToP-ART ที่นำเอาหลักของสุนทรียศาสตร์ มาปรับใช้ในการสร้างเสริมเศรษฐกิจ การค้า การลงทุนของประเทศเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและบริการ, EMBRYO Incubation Program หรือ LiVEx กระดานที่สามในการระดมทุนสำหรับ
SMEs & Startup และอีกมากมาย

     นี่คือส่วนหนึ่งขององค์ความรู้ที่มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยมีให้กับผู้ประกอบการ รวมถึงบุตรหลานที่เราต้องการฟูมฟักให้เติบโตมาเป็นผู้ประกอบการที่มีคุณภาพในอนาคต ไม่นับรวมโครงการเสริมสร้างความเข้มแข็งต่าง ๆ จากหอการค้าไทย ที่หลายคนอาจคุ้นเคยกันดี เช่น โครงการ Big Brother หรือโครงการ Business Accelerator ที่เราเคยพูดถึงใน Connecting Members ฉบับก่อน ๆ สิ่งเหล่านี้จะเป็นภูมิต้านทานที่ดี และเป็นอาวุธสำคัญในการต่อสู้บนโลกธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว

     เราเชื่อว่า “ความรู้” เท่านั้น จึงจะทำให้ธุรกิจไปต่อได้ เติบโตได้ และยั่งยืนได้ แต่การกระทำใด ๆ ที่ตัวเอง “ไม่รู้” หรือคิดว่ารู้ดีแล้ว อาจก่อเกิดความเสี่ยงทางธุรกิจได้อีกมหาศาล จึงได้บอกมาตั้งแต่ต้นว่า “ความไม่รู้..จะแพงกว่าความรู้เสมอ”

ข่าวอื่นๆ