คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประกอบด้วย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย โดย กกร.ได้จัดประชุมคณะกรรมการประจำเดือนตุลาคม 2567 โดยมีนายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ในฐานะประธาน กกร. เป็นประธานในการประชุม นายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมไทย และนายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เป็นประธานร่วมในการประชุม โดยที่ประชุม กกร. ได้ประเมินเศรษฐกิจ ดังนี้
การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกชัดเจนขึ้น
เครื่องชี้ด้านการผลิต PMI Manufacturing เดือนกันยายนของสหรัฐฯ ยุโรป จีน และญี่ปุ่นหดตัวลงมากขึ้น ส่งผลให้หลายประเทศกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยธนาคารกลางสหรัฐฯ ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงแล้ว 0.5% และเป็นไปได้ที่จะลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมอีกในช่วงที่เหลือของปี เช่นเดียวกับธนาคารกลางจีนที่ปรับลดดอกเบี้ยรวมถึงภาครัฐที่ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระลอกใหม่ เพื่อพยุงการผลิตและการใช้จ่ายของประชาชนที่มีแนวโน้มอ่อนแอลง
ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็วเพิ่มแรงกดดันต่อภาคการส่งออก
เงินบาทแข็งค่าจาก 36.8 มาที่ 32.3 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา หรือราว 12% เป็นการแข็งค่าที่มากกว่าค่าเงินอื่นในภูมิภาค กลายเป็นปัจจัยลบต่อความสามารถในการแข่งขัน โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าเกษตรและอาหารที่ใช้วัตถุดิบในประเทศเป็นหลัก ทั้งนี้ หากค่าเงินบาทแข็งค่าต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปีอาจทำให้รายได้ในรูปเงินบาทของผู้ส่งออกกระทบได้ราว 1.8-2.5 แสนล้านบาท
ยังต้องติดตามผลกระทบจากอุทกภัย กับกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และยังมีแนวโน้มต่อเนื่องจากพายุลูกใหม่ที่อาจเข้าไทยอีกในช่วงไตรมาส 4/67
คาดว่าน้ำท่วมรอบนี้จะทำให้เกิดความเสียหายราว 3-5 หมื่นล้านบาท หรือประมาณ 0.2% ของจีดีพี โดยภาคเกษตรได้รับผลกระทบมากที่สุด จากสถานการณ์น้ำท่วมที่อาจขยายวงกว้างมากขึ้น ทั้งนี้ ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยปี 2567 จะยังสามารถขยายตัวได้ในกรอบ 2.2% ถึง 2.7% ด้วยแรงสนับสนุนจากภาครัฐในการกระตุ้นเศรษฐกิจและการเร่งเบิกจ่ายงบลงทุน รวมถึงการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบฯ ทั้งในส่วนของการเยียวยาและมาตรการที่เข้ามาช่วยเสริมสภาพคล่องในการฟื้นฟูกิจการที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบไปเมื่อวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา รวมทั้งให้ภาครัฐบูรณาการพัฒนาระบบแจ้งเตือนระดับน้ำและพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมให้ประชาชนและผู้ประกอบการในพื้นที่ทราบแบบ Real time ผ่านโทรศัพท์มือถือ และมีความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในการเร่งแก้ไขปัญหาการบุกรุกพื้นที่ป่าเพื่อทำการเกษตรทั้งในฝั่งไทยและประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งจะช่วยเพิ่มพื้นที่ต้นน้ำป้องกันปัญหาน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก
กรอบประมาณการเศรษฐกิจปี 2566-2567 ของ กกร.
%YoY |
ปี 2567 (ณ ส.ค. 67) |
ปี 2567 (ณ ก.ย. 67) |
ปี 2567 (ณ ต.ค. 67) |
GDP | 2.2 ถึง 2.7 | 2.2 ถึง 2.7 | 2.2 ถึง 2.7 |
ส่งออก | 0.8 ถึง 1.5 | 1.5 ถึง 2.5 | 1.5 ถึง 2.5 |
เงินเฟ้อ | 0.5 ถึง 1.0 | 0.5 ถึง 1.0 | 0.5 ถึง 1.0 |
ที่ประชุม กกร. มีความกังวลต่อสถานการณ์ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ค่าเงินบาทแข็งค่ากว่าระดับ 34.0-34.5 บาทต่อดอลลาร์ฯ
ซึ่งเป็นระดับที่ธุรกิจแข่งขันได้ โดยมองว่าควรให้ความสำคัญกับการดูแลค่าเงินไม่ให้แข็งค่าหรือผันผวนเร็วจนเกินไป และการสื่อสารฯเชิงรุกเพื่อให้ภาคธุรกิจสามารถรับรู้และปรับตัวได้ทันการณ์ อีกทั้งยังจำเป็นต้องมีการส่งผ่านประโยชน์จากค่าเงินบาทแข็ง เช่นต้นทุนนำเข้าสินค้าพลังงาน และวัตถุดิบโดยเฉพาะในภาคเกษตรฯ ที่ลดลงไปยังภาคการผลิตและภาคประชาชนให้ได้อย่างเป็นระบบ พร้อมเสนอให้ธปท.เร่งพิจารณาปรับอัตราดอกเบี้ยที่สะท้อนอยู่แล้วในตลาดการเงินล่วงหน้า (Forward Market) ปัจจุบันตลาดคาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะลดลงอย่างน้อย 0.25% ภายในปีนี้ และอีกประมาณ 0.25% - 0.5% อีกภายในปีหน้า ซึ่งจะช่วยลดผลกระทบต่อ Real Sector ได้อย่างรวดเร็ว และพิจารณาทบทวนกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อที่กำลังอยู่ในช่วงการหารือร่วมกับกระทรวงการคลังให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมกับบริบทศักยภาพและโครงสร้างของเศรษฐกิจของประเทศในปัจจุบันและอนาคต
ที่ประชุม กกร. ได้มีการพิจารณาข้อเสนอต่อแผนพัฒนากำลังไฟฟ้าของประเทศ (PDP2024) เพื่อรักษาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศและสร้างเสถียรภาพด้านพลังงาน โดยมี 6 ข้อเสนอ ดังนี้
เรียบเรียงและจัดทำโดย ฝ่ายนโยบายยุทธศาสตร์ หอการค้าไทย
ติดตามหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย
ทุกช่องทางได้ที่ : https://linktr.ee/thaichamber