ประธานหอการค้าฯ ชี้ 4 Change ท้าทายเศรษฐกิจไทย 2024

S__608886786_0.jpg
S__608886788_0.jpg
S__608886789_0.jpg
S__608886790_0.jpg
S__608886791_0.jpg
S__608886792_0.jpg

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวในช่วงหนึ่งการเสวนา หัวข้อ “ความท้าทายใหม่ของภาคธุรกิจไทย 2024“ ในงานสัมมนา The Better Future Forward 2024 ณ Next Stage ชั้น 4 ศูนย์การค้าสยามพารากอน ว่า ที่ผ่านมาภาคเอกชนไทยเผชิญอุปสรรคอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่สงครามทางการค้า (Trade War) วิกฤตการณ์ Covid-19 ไปจนถึงสงครามความขัดแย้งระหว่างประเทศ จนกระทั่งลุกล่ามกลายเป็นปัญหา Geopolitics ทำให้เกิดมาตราการกีดกันทางการค้าและการแข่งขันที่สูงขึ้น ซึ่งหอการค้าฯ มองว่าภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปี 2567 ยังเผชิญความท้าทายใหม่จาก 4 ปัจจัยการเปลี่ยนแปลง หรือ 4 Change ดังนี้

ระยะสั้น
1) Geopolitical change จับตามองความขัดแย้งระหว่างประเทศเกิดขึ้นทั่วโลกอย่างใกล้ชิด เนื่องจากเศรษฐกิจจะถูกมัดรวมเกี่ยวเนื่องกับการเมืองระหว่างประเทศ รวมถึงการติดตาม Fed ว่าจะส่งสัญญาณการลดดอกเบี้ย และอัตราเงินเฟ้อจะมีแนวโน้มลดลงหรือไม่ นอกจากนี้การเลือกตั้งในต่างประเทศทั่วโลกก็เป็นตัวแปรสำคัญที่จะมีผลต่อเศรษฐกิจโลก ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องจับตามองอย่างใกล้ชิดในปีนี้เช่นเดียวกัน
2) AI & Technology change พัฒนาและส่งเสริมทักษะมนุษย์ให้เท่าทันต่อการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ไทยก็ต้องเร่งแก้ไขกฎระเบียบที่ยังล้าหลังและเป็นอุปสรรคในการแข่งขันของเศรษฐกิจประเทศ 

ระยะยาว
3) Population change มีการคาดการณ์ว่าภายใน 60 ปี ข้างหน้า จำนวนประชากรไทยจะลดลงครึ่งหนึ่ง เหลือเพียง 33 ล้านคน  ประชากรวัยแรงงานจาก 46 ล้านคนในปัจจุบันจะลดลงเหลือ 14 ล้านคน  ดังนั้น ภาครัฐควรส่งเสริมนโยบายที่เพิ่มจำนวนประชากรไทยให้เพิ่มขึ้น ควบคู่ไปกับการยกระดับมาตรการ Talent immigration policy เพื่อดึงดูดคนต่างชาติที่เก่งเข้ามาทำงานและอยู่อาศัยในประเทศไทย มีมาตรการ Incentive ที่เหมาะสมเช่น การอำนวยความสะดวกเรื่อง Visa และ Work permit มาตรการทางภาษีมาตรการพำนักอยู่อาศัยที่เหมาะสม เป็นต้น พร้อมทั้งขยายอายุวัยเกษียณ คนอายุ 60 ปี ยังสุขภาพดีต่อไปอีก เพื่อให้ผู้สูงอายุมีรายได้ ลดปัญหาความต้องการแรงงาน และเกิดสังคมผู้สูงอายุที่มีคุณภาพ
4) Climate change ซึ่งคาดว่าภาคเศรษฐกิจที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุดคือ ภาคการท่องเที่ยวและภาค การเกษตร จากทั้งปัจจัยเชิงภูมิศาสตร์ของประเทศ และจากโครงสร้างเศรษฐกิจภาคการเกษตร และการท่องเที่ยวที่อ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมถึงความเสี่ยงในด้านภัยแล้ง

 

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลเองก็ได้พยายามหามาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมา ทั้งมาตราการส่งเสริมการท่องเที่ยว Free Visa โดยในปีที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวเข้ามาถึง 28 ล้านคน และคาดว่านักท่องเที่ยวทั้งปีนี้ก็น่าจะอยู่ที่ 33 - 35 ล้านคน นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังประกาศตนเป็นเซลล์แมนพร้อมจะส่งเสริมการดึงดูดการลงทุน FDI ควบคู่ไปกับการส่งออก Soft Power ไทยไปทั่วโลก อาทิ อาหารไทย มวยไทย และวัฒนธรรมไทย เป็นต้น ซึ่งทำให้ภาคเอกชนเชื่อมั่นว่า “ปีนี้เศรษฐกิจไทยจะต้องดีขึ้นอย่างแน่นอน” นายสนั่นฯ กล่าวทิ้งท้าย

 

เรียบเรียงโดย ฝ่ายนโยบายยุทธศาสตร์ หอการค้าไทย