กิจกรรม BB Business Academy & On-site Visit โดยพี่เลี้ยงโตโยต้า ในวันที่ 19 กันยายน 2567 บริษัท ลัลณ์ลลิลไบโอเทค จำกัด จังหวัด สระบุรี บริษัทน้องBig Brother 8 ร่วมเรียนรู้ Toyota knowledge ถ่ายทอดองค์ความรู้ Karakuri + Kaizen หมายถึง การปรับปรุงเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นหน้างานด้วยไอเดียของพนักงานเอง ภายใต้แนวทางของการkaizen ที่เกิดจากความรู้สึกที่ว่า “อยากจะปฏิบัติงานของตนได้อย่างปลอดภัย และสะดวกสบายขึ้น” โดยใช้กลไกพื้นฐานมาทำให้เกิดการเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องเป็นระบบโดยไม่ใช้พลังงาน
<<< Key Takeaways >>>
สิ่งสำคัญของหลักการทำคาราคูริ ไคเซน คือ การเปลี่ยนความคิดตัวเอง คิดที่จะทำให้ดีขึ้นด้วยตัวเอง ทำอย่างไรให้การทำงานง่ายที่สุด และอยากจะขจัดงานที่อันตรายให้หมดไป และอยากประหยัดพลังงาน หรือลดต้นทุนพร้อมทำการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องประเด็นสำคัญในการสร้างสรรค์งานคาราคูริ ไคเซน สรุปได้ดังนี้
และจากองค์ความรู้ดังกล่าว ทางพี่เลี้ยงโตโยต้าจึงพา On-site Visit บริษัท ลัลณ์ลลิลไบโอเทค จำกัด จังหวัดสระบุรี ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายหัวเชื้อเห็ดมากกว่า 20 สายพันธุ์ รวมถึงอุปกรณ์เพาะเห็ดให้แก่เกษตรกรหนึ่งตัวอย่างธุรกิจที่นำหลักการไคเซนของโตโยต้าเข้ามาใช้ ผ่านการสนับสนุนจากโครงการ “โตโยต้า ธุรกิจชุมชนพัฒน์” เพื่อให้บริษัทน้องได้เห็นภาพมากยิ่งขึ้น โดยใช้หลัก Kaizen แก้ปัญหา
Main Idea
จากการเข้าร่วมโครงการของโตโยต้า จึงทำให้บริษัท ลัลณ์ลลิลไบโอเทค จำกัด สามารถมองเห็นปัญหาที่แท้จริงและหาวิธีการแก้ไขที่ยั่งยืนขึ้นมาได้ นั่นคือ
เมื่อโตโยต้าเข้าไปช่วยปรับปรุงทำให้ประสิทธิภาพการผลิตได้ประสิทธิภาพที่ดีขึ้น โดยผ่านการมองปัญหาใน 3 ด้านใหญ่ตามหลัก 3 M ของไคเซน คือ
เมื่อวิเคราะห์ปัญหาที่เกิดขึ้นจริง บริษัท ลัลณ์ลลิลไบโอเทค จำกัด ได้นำองค์ความรู้ในการดำเนินธุรกิจของโตโยต้ามาปรับปรุงการดำเนินงานของธุรกิจตนเอง ดังนี้
จากกิจกรรมครั้งนี้ บริษัทน้องเข้าใจหลักการไคเซนของโตโยต้ามากยิ่งขึ้น โดยต้องนำกลับไปทบทวนระบบการทำงานของบริษัท และคำนึงถึงสุขภาพและความปลอดภัยควบคู่กันไป พร้อมนำระบบ TPS (Toyota Production System) และการไคเซ็น (Kaizen) มาใช้ คำตอบที่ซ่อนอยู่ก็เผยออกมาให้เห็นแน่นอนว่า “แค่จัดการให้ดี ธุรกิจจะโตไวแค่ไหน ก็สามารถรับมือ และไปได้ไกลอย่างสุดปัง”
วันที่ 20 กันยายน 2567 กิจกรรมให้ความรู้ด้านการเงิน (Financial Class) ครั้งที่ 4 ภายใต้โครงการ Big Brother (Season 8) ณ อาคาร 24 ชั้น 18 มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย โดยมีพี่เลี้ยงสถาบันการเงินมาบรรยายและร่วมออกบูท ประกอบด้วย BBL , SCB และบมจ.ไทยวิวัฒน์ประกันภัย ซึ่งประเด็นที่ถ่ายทอดให้กับบริษัทน้องในวันนี้ ประกอบด้วย การวิเคราะห์งบการเงินสไตล์SMEsโดยคุณวิทูร เข็มวิลาศ VP ผู้จัดการสินเชื่อ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)
องค์ประกอบใหญ่ๆ ของงบแสดงฐานะทางการเงินก็คือ สินทรัพย์ หนี้สิน และส่วนของผู้ถือหุ้น ซึ่งส่วนของสินทรัพย์ก็จะถูกแยกเป็นสินทรัพย์หมุนเวียน กับสินทรัพย์ถาวร ส่วนหนี้ก็จะถูกแยกเป็นหนี้สินระยะสั้น กับหนี้สินระยะยาว ทั้งหมดนับเป็นองค์ประกอบหลักของงบแสดงฐานะทางการเงินที่ขาดไม่ได้ ไม่ว่างบแสดงฐานะทางการเงิน จะซับซ้อน แค่ไหนองค์ประกอบเหล่านี้คือสิ่งที่ต้องมี
สุดท้ายการนำค่าต่างๆ ในปีๆ หนึ่งของงบแสดงฐานะทางการเงินมาใส่สูตรอัตราส่วนทางการเงิน อัตราส่วนสภาพคล่อง ที่เกิดจากการเอาสินทรัพย์หมุนเวียนมาหารด้วยหนี้สินระยะสั้น ดังนั้นการอ่านงบการเงินจะช่วยให้ผู้ประกอบการเห็นภาพว่า บริษัทมีงบกำไรขาดทุนมีความแข็งแกร่งไหม หนี้สินเยอะหรือไม่ (งบดุล) และที่สำคัญช่วยสะท้อนภาพจริงของกิจการ (งบกระแสเงินสด) ดังนั้น ในฐานะเป็นเจ้าของกิจการ แม้จะมีการจ้างทำบัญชีก็ตาม แต่ก็ควรทำความเข้าใจข้อมูลสำคัญที่อยู่ในงบการเงินด้วยเป็นสำคัญ
carbon credit สำหรับกิจการที่คิดไกล โดย ดร. พงษ์ธนา วณิชย์กอบจินดา ผู้เชี่ยวชาญการคำนวน carbon credit กล่าวว่า คาร์บอนเครดิต (Carbon credit) คือปริมาณก๊าซเรือนกระจกเพื่อสิ่งแวดล้อม สามารถลดหรือกักเก็บได้ ซึ่งเมื่อได้รับการรับรองแล้วสามารถนำไปซื้อขายในตลาดได้ กลไกคาร์บอนเครดิตจึงเป็นเครื่องมือหนึ่งที่ช่วยให้องค์กรต่างๆ สามารถชดเชยการปล่อยคาร์บอนและบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน ทั้งนี้ “คาร์บอนเครดิต มันเป็นเรื่องของความสบายใจ เราทำในสิ่งที่ไม่สบายใจ คือปล่อยก๊าซเรือนกระจกไปเยอะในแต่ละปี ก็ไปซื้อเครดิตมาชดเชย ซึ่งคุณค่ามันเกิด และเกิดจากความต้องการ ไม่ใช่จากการตั้งราคาเท่านั้นเท่านี้ เพราะฉะนั้นคาร์บอนเครดิต เป็นเหมือนมุมที่จะหลอกล่อให้มนุษย์เราปรับพฤติกรรมเพื่อมาทำความดี และมีผลประโยชน์กลับคืนไปยังเขาด้วย
ในประเทศไทยยังเป็นภาคสมัครใจอยู่ โดยยังไม่มีกฎหมายมาบังคับ และการจะได้มาซึ่งคาร์บอนเครดิต นั้นจะต้องมีการรับรองโดย อบก. ซึ่งมีหน้าที่เป็นหน่วยวิเคราะห์ กลั่นกรอง และรับรองโครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจในประเทศไทย ท่ามกลางการทำธุรกิจในโลกที่ท้าทาย เอสเอ็มอีต้องปรับเปลี่ยนตัวเอง ไปทำตัวเองให้ดี โดยเริ่มจากทำเรื่องที่ง่ายๆ เช่น การทำเรื่องของโซลาร์เซลล์ การใช้รถไฟฟ้าในการขนส่ง เป็นต้น เนื่องจากปัจจุบันมีการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากหลายๆ ฝ่าย ขณะที่พลังงานและโลจิสติกส์ ก็มีความสำคัญต่อการทำธุรกิจของเอสเอ็มอีอย่างมากเช่นกัน
--- Hilight ---
“และสุดท้ายบริษัทใหญ่ที่เขาเคยซื้อกับเรา อนาคตเขาจะต้องกำหนดให้เราประเมินคาร์บอนฟุตปริ้นท์ด้วย แต่เราสามารถเริ่มทำตอนนี้ได้เลยไม่ต้องไปรอให้เขาประกาศ ซึ่งพอเราทำอย่างนี้เราอาจมีต้นทุนเพิ่มขึ้น ก็สามารถขอราคาที่เพิ่มขึ้นจากบริษัทใหญ่ได้ เพราะเขาต้องจ่ายเพิ่มอยู่แล้ว เพียงแต่เราต้องทำดีก่อน และนี่คือ ความท้าทายใหม่ๆ ที่กำลังเกิดขึ้นกับผู้ประกอบการ แม้วันนี้จะยังไม่มีกฎหมายออกมาบังคับ การได้เริ่ม “ทำดี” ก่อน ย่อมได้เปรียบกว่า ทั้งยังเป็นโอกาสใหม่ๆ ให้กับตัวธุรกิจ เพื่อเติบโตอย่างยั่งยืน”
บริหารความเสี่ยงอย่างไรใน BANI Worldโดย ดร.ปิยวดี โขวิฑูรกิจ ผู้ช่วยผู้อำนวยการใหญ่ สายงานบริหารความเสี่ยงและการปฏิบัติตามกฎหมาย บริษัท ไทยรับประกันภัยต่อ จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า จากเดิมที่เราเคยอยู่ในโลก VUCA World ที่เรายังสามารถปรับตัวต่อความเปลี่ยนแปลงได้ โลกของเรากำลังก้าวมาสู่ยุคที่มีความโกลาหล ยุคใหม่ที่กำลังมาแทนที่เรียกว่า BANI World ย่อมาจากคำ 4 คำ ได้แก่ Brittle, Anxious, Nonlinear, Incomprehensible ประกอบด้วย
ความไม่เข้าใจจะนำไปสู่ความรู้สึกคลุมเครือและยากจะตัดสินใจเมื่อเจอสถานการณ์ต่างๆ แม้ว่าปัจจุบันจะมีข้อมูลเพิ่มขึ้นมากมายให้ใช้ประกอบการตัดสินใจ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าการตัดสินใจนั้นจะออกมาถูกต้องเสมอไป เพราะบ่อยครั้งที่ ‘ข้อมูลท่วมหัว เอาตัวไม่รอด’
--- Hilight ---
แม้ว่า BANI จะไม่ได้ช่วยกำหนดทิศทางการดำเนินธุรกิจโดยตรง แต่ BANI ทำให้ธุรกิจของเราเข้าใจสภาพการณ์และความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น พร้อมรับมือและวางแผนเพื่อนำไปต่อยอดในการทำธุรกิจต่อไป “หลักการยังคงเดิม เพิ่มเติมคือเปลี่ยนกลยุทธ์” จะสามารถเข้าถึงได้เพียง “ปลายนิ้ว”ง่าย เชื่อถือได้ สบายใจ ดังนั้นการใช้ประกันภัยเป็นเครื่องมือในการบริหารความเสี่ยง ประกอบด้วย ความเสี่ยงส่วนบุคคล ความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจ นั่นเอง