Family Business Thailand รุ่น 3 ณ เชียงใหม่

เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 28 พฤศจิกายน 2567 สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ร่วมกับ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ และมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย จัดการอบรมหลักสูตร Family Business Thailand รุ่น3 ณ วินทรี ซิตี้ รีสอร์ท จังหวัดเชียงใหม่ มีผู้ประกอบการเข้าร่วมการอบรมกว่า 100 ราย


หลักการบริหารธุรกิจครอบครัวให้ประสบความสำเร็จ โดย รศ.ดร.เอกชัย อภิศักดิ์กุล รองอธิการบดีอาวุโสสายงานธุรกิจองค์กร มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย 

          ผลวิจัยของ FAMZ พบว่าธุรกิจครอบครัวไทยนั้นมีจํานวนถึง 80% ของจํานวนธุรกิจทั้งหมด และธุรกิจครอบครัวเหล่านี้ ก็มีส่วนในการสร้าง GDP ประมาณ 304 พันล้านดอลลล่ารสหรัฐฯ หรือราวๆ 60% ของ GDP ประเทศไทย จากการศึกษาสามารถมองเห็นความสำคัญของธุรกิจครอบครัวได้อย่างชัดเจนมากขึ้นจากหลาย ๆ ประเทศ ดังนี้

  • สหรัฐอเมริกา - ได้เสนอแนวทางการสนับสนุนธุรกิจครอบครัวต่อสภาครองเกรสเมื่อเดือนธันวาคม2522 เพื่อให้ตระหนักถึงความสําคัญของธุรกิจครอบครัวที่สร้างงานจํานวนมากให้กับประเทศ สภาฯจึงพิจารณาลดผลกระทบด้านภาษีที่มีผลกระทบต่อธุรกิจครอบครัว
  • สหรัฐอารับเอมิเรสต์ - รัฐบาลตั้งหน่วยงานสนับสนุนธุรกิจครอบครัว เพื่อทําหน้าที่ดึงดูดธุรกิจครอบครัว ทั่วโลกให้เข้ามาตั้งบริษัทและพัฒนาธุรกิจครอบครัวภายในประเทศ โดยมีเป้าหมาย 2 เรื่อง ได้แก่ การเปลี่ยนธุรกิจครอบครัวภายในประเทศ 200 บริษัท ให้กลายเป็นบริษัทขนาดใหญ่ภายใน 2030
  • แคนาดา - ปรับปรุงกฎหมายให้การส่งผ่านธุรกิจครอบครัวในอุตสาหกรรมที่รัฐบาลต้องการสนับสนุนทําได้ง่ายขึ้น เช่นการลดภาษีการโอนทรัพย์สินของธุรกิจเกษตรขนาดเล็กที่เป็นการโอนกันระหว่างคนในครอบครัว
  • มอลต้า - มีธุรกิจครอบครัวถึง 98% ได้ออกพระราชบัญญัติธุรกิจครอบครัว (Family Business Act) เพื่อช่วยลดอุปสรรคในการสืบทอดธุรกิจ เช่นการลดค่าธรรมเนียมการโอนทรัพย์สินและหุ้นของบริษัท นอกจากนี้ยังทําการให้ความรู้ให้คําปรึกษา รวมถึงทําหน้าที˒ประนีประนอม ข้อพิพาทของกลุ่มธุรกิจครอบครัว
  • ฮ่องกง - รัฐบาลวางนโยบายให้ฮ่องกงเป็น Hub of Family Office โดยมีเป้าหมายที่จะดึงดูดสํานักงานครอบครัวของธุรกิจครอบครัวชั้นนำมาอยู่ที่ฮ่องกงจํานวน 200 ครอบครัวภายในปี2025 รัฐบาลตั้งสํานักงาน Invest HK เพื่อช่วยครอบครัวที่มีความประสงค์จะย้ายสํานักงานครอบครัวมายังฮ่องกง
  • อังกฤษ - มีจํานวนธุรกิจครอบครัวอยู่มากกว่า 85% และสร้าง GDP ราวๆ 46% รัฐบาลตั้งหน่วยงาน Institute for Family Business ทําหน้าที˒สนับสนุนธุรกิจครอบครัวของสหราชอาณาจักร

 

          จากการศึกษาธุรกิจครอบครัวที่ประสบความสำเร็จ พบว่า แนวทางในการขับเคลื่อนธุรกิจครอบครัวนั้น ส่วนใหญ่จะเห็นองค์ประกอบเหล่านี้อยู่ในกระบวนการการเติบโต ได้แก่ ระบบกงสีที่เป็นมาตรฐาน มีความเป็นมืออาชีพ สามารถควบคุมความเสี่ยงได้ แปลว่าต้องมีการวางโครงสร้าง หรือวางระบบการบริหารที่ชัดเจน เพื่อป้องกันความขัดแย้งที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต มองเห็นคุณค่าของธุรกิจ มีการสืบทอด ส่งต่อความรู้ ประสบการณ์ และชื่อเสียงจากรุ่นสู่รุ่น มุมมองระยะยาว แน่นอนว่าวงจรของธุรกิจมีช่วงขึ้นช่วงลง การมองไปข้างหน้าในระยะยาวจะเป็นตัวช่วยให้ธุรกิจรู้จังหวะในการปรับตัวและเดินต่อ แรงจูงใจความเป็นเจ้าของ หลายธุรกิจไปต่อไม่ได้ในรุ่นหลัง ๆ เพราะทายาทไม่ได้รักที่จะทำต่อ แต่ธุรกิจครอบครัวที่ประสบความสำเร็จมักจะมีการปลูกฝังความผูกพันกับธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหากไม่รักษาไว้ มันจะหายไป แล้วธุรกิจจะไม่ยั่งยืน และค่านิยมและวัฒนธรรมองค์กรที่แข็งแกร่ง สิ่งนี้เปรียบเสมือน DNA ของธุรกิจครอบครัว ที่สะท้อนตัวตนออกมาได้อย่างชัดเจน ยิ่งมีค่านิยมและวัฒนธรรมองค์กรที่แข็งแกร่งมากเท่าไหร่ ธุรกิจครอบครัวก็ยิ่งมีความเข้มแข็งมากเท่านั้น
 

 

 

ถอดบทเรียนการบริหารธุรกิจครอบครัว “นิ่มซี่เส็ง” แบบอย่างของความอุตสาหะ
โดย คุณชวลิต สุวิทย์ศักดานนท์ รองประธานกรรมการหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ และ กรรมการผู้จัดการ บริษัท นิ่มซี่เส็งขนส่ง1988 จำกัด และ คุณพลวริษฐ์ สุวิทย์ศักดา ประธาน YEC จังหวัดเชียงใหม่ และ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท นิ่มซี่เส็งรถยก จำกัด 

          ปฐมบทก่อนที่จะเป็น “นิ่มซี่เส็ง” เริ่มที่ปี 2511 ครอบครัวคุณอุทัต สุวิทย์ศักดานนท์ ซึ่งขายผลไม้ในตลาดวโรรส เชียงใหม่ ประสบปัญหาจากเหตุการณ์เพลิงไหม้ที่ตลาดวโรรส บ้านและทรัพย์สินต่าง ๆ หายไปในพริบตา เหลือไว้เพียงสามล้อถีบเก่า ๆ คันเดียว คุณอุทัตในฐานะลูกชายคนโตจึงต้องลาออกจากโรงเรียนมาถีบสามล้อรับขนทุกอย่างที่มีคนจ้างเพื่อหาเลี้ยงชีพ ได้รายได้วันละ 8 บาท โดยเก็บออมไว้ 4 บาท จนกระทั่งซื้อรถบรรทุกขนาดใหญ่ได้เป็นของตัวเอง!!...นี่คือจุดเปลี่ยนของชีวิต

          เมื่อมีรถบรรทุกแล้ว ก็รับจ้างขนส่งผัก ผลไม้ และของสด ระหว่างเชียงใหม่-กรุงเทพฯ รวมทั้งปรับปรุงวิธีการต่าง ๆ จนกระทั่งธุรกิจมีแนวทางที่ดีขึ้น จึงได้ร่วมทุนกับน้องชายอีก 2 คน เปิดเป็นบริษัทสำหรับขนส่ง “นิ่มซี่เส็ง” ในปี 2514 (จริง ๆ แล้วตระกูลวิทย์ศักดานนท์นั้น “แซ่ลิ้ม” แต่ตอนจดทะเบียนธุรกิจอาจจะฟังไม่ถนัด จึงเพี้ยนไปเป็น “นิ่ม”) กระทั่งในปัจจุบัน กลายเป็นอาณาจักรการขนส่งที่ยิ่งใหญ่เบอร์ต้น ๆ ของประเทศ

          คุณชวลิต  สุวิทย์ศักดานนท์ ทายาทรุ่นต่อมา เล่าให้ฟังว่า ตนเองถูกฝึกให้ทำงานตั้งแต่ ป.5 จึงคุ้นชินกับเรื่องการขนส่งต่าง ๆ ถูกสอนให้รับผิดชอบ ถ้าลงมือทำอะไรแล้ว ต้องทำให้สำเร็จตามสัญญา สิ่งนี้จึงกลายเป็นนิสัยติดตัว ดังนั้น เมื่อลูกหลานจะเข้ามาทำงานที่บริษัท ไม่ได้แปลว่าจะเข้ามาเป็นผู้จัดการเลย แต่ต้องเริ่มเป็นพนักงานเหมือนกันหมด นอกจากนั้น ยังต้องเป็นคนที่มีระเบียบวินัย แม้จะเป็นคนเก่งแต่หากขาดระเบียบวินัย ทำอะไรก็คงไม่สำเร็จ

 
    
“สิ่งที่เราให้ความสำคัญ คือเรื่องการอ่อนน้อมถ่อมตน มีความเคารพผู้ใหญ่
หากสิ่งไหนที่ผู้ใหญ่ยังไม่เห็นด้วย แต่ตนเองต้องการจะทำ ก็ต้องหาข้อมูลประกอบให้ชัดเจน
พยายามพิสูจน์สิ่งที่ตนจะทำให้ผู้ใหญ่ได้เห็น”

          เช่นเดียวกับคุณพลวริษฐ์  สุวิทย์ศักดา ที่บอกว่า สิ่งสำคัญคือการนับถือซึ่งกันและกัน อย่าเอาเหตุผลส่วนตัวเป็นใหญ่ เพราะสุดท้าย “ครอบครัว” สำคัญที่สุด แต่หากเกิดการทะเลาะกัน ก็อย่าทะเลาะกันให้ลูกน้องเห็น พร้อมกับเสริมว่า “เราเชื่อมั่นในระบบ ถ้าทำครั้งแรกให้ถูกต้อง ที่เหลือก็จะถูกต้อง” หมายความว่า การมีระบบระเบียบแบบแผนที่ชัดเจนในการดำเนินงาน จะช่วยให้การตัดสินใจต่าง ๆ เป็นไปอย่างถูกต้อง และไม่เกิดปัญหา

 

          หัวใจหลักของนิ่มซี่เส็งคือการให้บริการที่เป็นเลิศ ไม่เน้นการลดราคาเพื่อการแข่งขัน รวมทั้งมีการปรับตัวให้เป็นมืออาชีพมากขึ้น ปัจจุบัน นิ่มซี่เส็งขยายธุรกิจไปในหลายสาขา โดยเฉพาะธุรกิจ “ลีสซิ่ง” ซึ่งมีแผนที่จะเอาเข้าตลาดหลักทรัพย์เร็ว ๆ นี้

 

และปิดท้ายงานในวันนี้ด้วย การบรรยายพิเศษเพื่อเป็นแนวทางการพัฒนาธรรมนูญครอบครัวสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน โดย ดร.สิริรัฐ บุญรักษา อาจารย์ประจำคณะบริหารธุรกิจมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย

          ธรรมนูญครอบครัว เป็นข้อตกลงที่ทุกคนร่วมกันทำขึ้น เพื่อใช้เป็นหลักการในการดำเนินธุรกิจไปอย่างราบรื่น มีความชัดเจน และยั่งยืน โดยธรรมนูญครอบครัวจะช่วยให้ทุกคนเข้าใจบทบาทหน้าที่ของตนเอง และร่วมกันตัดสินใจในเรื่องสำคัญๆ ของธุรกิจได้อย่างเป็นระบบ

          การทำธรรมนูญครอบครัว มีเป้าหมายเพื่อสร้างความสมดุลและความยั่งยืนใน 3 ส่วนหลัก คือ การรักษาความเป็นเจ้าของธุรกิจ (Ownership) เพื่อยังคงควบคุมธุรกิจของครอบครัวได้ การสร้างความสามัคคีในครอบครัว (Family) เพื่อให้สมาชิกครอบครัวอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข และการจัดการบริหารธุรกิจอย่างมืออาชีพ (Management) สร้างความชัดเจนและเป็นธรรม สร้างความมั่นคงให้กับธุรกิจของครอบครัว เพื่อปรับตัวเป็นธุรกิจครอบครัวมืออาชีพ และพัฒนาธุรกิจให้มีความเติบโต ก้าวหน้า โดยการผสานบทบาทเหล่านี้เข้าด้วยกันจะช่วยลดความขัดแย้ง เพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจ และทำให้ธุรกิจครอบครัวสามารถเติบโตอย่างมั่นคงในระยะยาว

          บัญญัติ 10 ประการ ถูกออดแบบมาเพื่อใช้เป็นแนวทางในการวางระบบกำกับดูแลธุรกิจครอบครัวให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน โดย บัญญัติ 10 ประการนี้ ครอบคลุมมิติสำคัญ ดังต่อไปนี้

  1. เจตนารมณ์และค่านิยมครอบครัว วางเป้าหมายและคุณค่าหลักที่ครอบครัวต้องการรักษาและส่งต่อในธุรกิจ 
  2. สมาชิกครอบครัวและบทบาทหน้าที่ โดยกำหนดบทบาทและหน้าที่ของสมาชิกแต่ละคนในครอบครัวให้ชัดเจน เพื่อป้องกันความขัดแย้งและสร้างการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ
  3. การระงับข้อพิพาทและบทลงโทษ ควรวางระบบจัดการความขัดแย้ง เช่น วิธีการไกล่เกลี่ย หรือกระบวนการตัดสินใจร่วม เพื่อรักษาความสงบสุขในครอบครัว
  4. กรรมการครอบครัวและบทบาทหน้าที่ สร้างกลไกการบริหารผ่านคณะกรรมการครอบครัวที่มีหน้าที่ดูแลการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ และเป็นตัวแทนของสมาชิกครอบครัวในทุกกลุ่ม
  5. สวัสดิการครอบครัว กำหนดวัตถุประสงค์ของการให้สวัสดิการ และการกำหนดสวัสดิการที่ชัดเจน จะช่วยให้ลดปัญหาความขัดแย้งในครอบครัว
  6. การจ้างงานและผลตอบแทน กำหนดเงื่อนไขการจ้างงานสำหรับสมาชิกครอบครัว เช่น การทำงานตามความสามารถและคุณสมบัติตรงตามตำแหน่งงาน และการจัดสรรค่าตอบแทนที่เหมาะสม
  7. การลงทุนของครอบครัว วางนโยบายเกี่ยวกับการลงทุน เพื่อขยายการเติบโตในธุรกิจครอบครัว เช่น การกระจายการลงทุนเพื่อลดความเสี่ยง หรือการลงทุนในโอกาสใหม่ๆ 
  8. การบ่มเพาะและแผนสืบทอดวางแผนพัฒนาและเตรียมผู้นำรุ่นใหม่ให้พร้อมรับช่วงธุรกิจ เช่น การฝึกอบรม ทักษะการบริหาร และการถ่ายทอดความรู้
  9. การจัดการทรัพย์สินส่วนกลางจัดการทรัพย์สินที่เป็นของครอบครัวร่วมกัน เช่น อาคาร ที่ดิน หรือสินทรัพย์อื่นๆ โดยมีกฎเกณฑ์การใช้งานและการแบ่งที่ชัดเจน
  10. การถือหุ้น วางนโยบายเกี่ยวกับการถือหุ้นในธุรกิจ เช่น การซื้อขายหุ้นระหว่างสมาชิก การป้องกันหุ้นตกไปอยู่นอกครอบครัว และการกระจายหุ้นในรุ่นต่อไป

          เนื่องจาก แต่ละครอบครัวมีหลักการ และความต้องการแตกต่างกัน ธรรมนูญครอบครัวจึงไม่จำเป็นต้องยึดติดที่ 10 ข้อ สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสมของครอบครัว แต่ควรมั่นใจว่าครอบคลุมประเด็นสำคัญทั้งหมด เป็นที่ยอมรับของสมาชิกครอบครัว และง่ายต่อการปฏิบัติร่วมกัน

เคล็ดลับสู่ความสำเร็จในการพัฒนาธรรมนูญครอบครัว มี 3 ข้อใหญ่ๆ ด้วยกัน ได้แก่ การมีส่วนร่วมของทุกสมาชิกในครอบครัว การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ และการประชุมและการจัดทำเอกสารการประชุม 

 

องค์ความรู้ของธุรกิจครอบครัว (Family Business) ให้พูดกันวันเดียวคงจะไม่หมด ความสำเร็จของแต่ละครอบครัวก็มีความแตกต่างกันออกไปทั้งลักษณะของความเป็นครอบครัว และลักษณะของธุรกิจ อย่างไรก็ตามหวังว่ากิจกรรมในครั้งนี้จะสร้างความตระหนักถึงความสำคัญของการทำธรรมนูญครอบครัวและเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการไม่มากก็น้อย หากท่านใดมีความสนใจเรื่องธุรกิจครอบครัว สามารถติดตามกิจกรรมของเราในครั้งต่อไปได้ที่เว็บไซต์ www.Thaichamber.org หรือที่ www.familybusinessthailand.com

------------------------------------------------------------------------------
SMEs Policy Dept.
TCC&BoT