สาระสำคัญจากงานสัมมนา ฟังให้รู้...กู้ให้เป็น

1 (12).JPG
1 (18).JPG
1 (3).JPG
2 (1).JPG
2 (43).JPG
2 (44).JPG
2 (46).JPG
2 (48).JPG
3 (1).JPG

เมื่อวันศุกร์ที่ 8 พฤศจิกายน 2567 เวลา 13.30 – 16.00 น. หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ร่วมกับ SME D Bank และ บสย. จัดงานสัมมนาหัวข้อ "ฟังให้รู้...กู้ให้เป็น" เพื่อเป็นการเปิดประตูช่วยเหลือผู้ประกอบการในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน พบกับสินเชื่อที่หลากหลาย โดยเฉพาะสินเชื่อเพื่อธุรกิจสีเขียว เข้าใจเทคนิคในการขอสินเชื่อ พร้อมปรึกษาปัญหาทางการเงิน โดยในงานนี้ได้รับเกียรติจากคุณจิรวัฒน์ ตั้งกิจงามวงศ์ กรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และกรรมการคณะทำงาน SMEs หอการค้าไทย กล่าวเปิดงานและต้อนรับผู้เข้าร่วมสัมมนา ณ ห้อง Activity Hall

กิจกรรมภายในงานแบ่งออกเป็น 2 ช่วง

ในช่วงแรก เป็นการสัมมนาในหัวข้อ “สินเชื่อไหนที่ตรงใจ...กู้อย่างไรให้ได้เงิน”
โดย คุณพรชัย จิรโสภณ รองผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ SME D Bank

ปัญหาหนักอกของผู้ประกอบการอย่างหนึ่ง คือการเข้าถึงแหล่งเงินทุน หรือเรียกกันง่าย ๆ ว่าการ “กู้” ซึ่งการขอสินเชื่อหรือการกู้ธนาคาร หลายคนอาจมองว่ายาก แต่หลายคนก็บอกว่าไม่ยาก เพราะอาจจะมีประสบการณ์ในการกู้มาบ้างแล้ว จึงพอรู้ขั้นตอนต่าง ๆ อาจจะผ่านบ้าง ไม่ผ่านบ้าง จึงเกิดคำถามต่อว่า “ธนาคารใช้หลักเกณฑ์อะไรในการพิจารณาปล่อยสินเชื่อ?”

คุณพรชัย  จิรโสภณ รองผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (SME D Bank) ได้มาร่วมแชร์ประสบการณ์ เพื่อเป็นแนวทางในการเตรียมตัวให้กับ SMEs โดยเล่าว่า ธนาคารส่วนใหญ่จะใช้หลักเกณฑ์ในการพิจารณาคล้าย ๆ กัน จุดสำคัญประการหนึ่งคือเรื่องหลักประกัน ซึ่งธนาคารเองก็ไม่ได้อยากได้หลักประกัน เพื่อจะยึดเมื่อมีการผิดชำระหนี้ แต่มองว่าจะช่วยทำอย่างไรให้ผู้ประกอบการอยู่รอดเมื่อกู้เงินไปแล้ว ถ้าผู้ประกอบการแข็งแรง แบงก์ก็แข็งแรง ดังนั้น ความรู้จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องเสริมให้ผู้ประกอบการด้วย

5C … หลักในการวิเคราะห์สินเชื่อของธนาคาร

  1. Character: อุปนิสัยของลูกค้า
  2. Capital: เงินทุน ธนาคารส่วนใหญ่ไม่ได้ให้เงินลงทุนทั้งหมดกับผู้ประกอบการ ดังนั้น ต้องมีเงินทุนของตัวเองด้วยส่วนหนึ่ง
  3. Capacity: ความสามารถในการชำระหนี้ สิ่งนี้เป็นหัวใจ ธนาคารจะดู Cash flow ดูรายได้ หักค่าใช้จ่ายต่าง ๆ แล้วสามารถผ่อนหนี้ได้จึงจะปล่อยกู้
  4. Collaterals: หลักประกัน แม้ว่าหลักประกันจะเป็นเรื่องสำคัญ แต่แบงก์จะใช้พิจารณาเป็นตัวท้าย ๆ โดยหลักประกันเองก็มีหลายรูปแบบ เช่น สิ่งปลูกสร้าง บ้าน คอนโด เครื่องจักร ฯลฯ แต่สำหรับ SMEs หลายราย บางครั้งการหาหลักประกันก็เป็นเรื่องยาก เพราะใช้วิธีการเช่าสถานประกอบการเพื่อดำเนินกิจการ ซึ่งทางออกในเรื่องนี้คือการใช้การค้ำประกันจาก บสย.แทนได้ ช่วยเปิดโอกาสให้กับคนที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน
  5. Condition: เงื่อนไข บางครั้งสถานการณ์ต่าง ๆ ที่ไม่ปกติ อาจถูกตั้งเป็นเงื่อนไขในการพิจารณาสินเชื่อด้วยเช่นกัน เช่น การส่งออกไปในประเทศที่มีภาวะสงคราม มีพิบัติภัย หรือภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ ธุรกิจอะไรที่มีความเสี่ยงสูง สิ่งเหล่านี้จะถูกนำมาพิจารณาในการปล่อยสินเชื่อด้วย

เทคนิคเตรียมความพร้อมก่อนขอสินเชื่อ

  1. หมุนเวียนบัญชีอย่างสม่ำเสมอ สมัยก่อนอาจเป็นเรื่องยาก เพราะผู้ประกอบการอาจไม่มีเวลาไปธนาคาร เงินหมุนเวียนในบัญชีจึงขาดความสม่ำเสมอ แต่ระบบการเงินในปัจจุบันสะดวกขึ้นมากแล้ว เงินเข้าออกถูกบันทึกไว้ใน Statement ทั้งหมด ซึ่งธนาคารจะดูสภาพการเข้าออกของเงิน ซึ่งจะสะท้อนภาพการค้าขายได้อย่างชัดเจน
  2. รักษาเครดิตของกิจการและกรรมการ สิ่งนี้สำคัญมาก เพราะในการดำเนินธุรกิจนั้น อาจจะไม่ได้ราบรื่นตลอด เช่น ช่วงที่เกิดสถานการณ์โควิด การดำเนินธุรกิจอาจเกิดการสะดุดจนไม่สามารถผ่อนหนี้ได้ ผู้ประกอบการต้องไปเจรจากับแบงก์ อย่าทิ้งหายไปเลย ธนาคารสามารถปรับเงื่อนไขการผ่อนหนี้ให้ได้ อาจจะปรับโครงสร้างหนี้กันใหม่ แต่ถ้าหายไปเลยจะกลายเป็นหนี้เสีย แล้วจะขอสินเชื่อใหม่ได้ลำบากมากขึ้น ผู้ประกอบการบางรายอาจเจอปัญหาว่า ไปที่ไหนก็กู้ไม่ได้ เพราะไม่เคยปรับโครงสร้างหนี้ ปล่อยให้เป็น NPL แบบนี้ต้องไปคุย ไปปรับ เพื่อให้ไปต่อได้ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่ที่ระยะเวลาหลังจากการปรับโครงสร้างหนี้ว่าจะมากน้อยแค่ไหน จึงจะเริ่มขอสินเชื่อได้ แต่ละธนาคารก็จะมีระยะเวลาไม่เท่ากัน อาจจะ 12 เดือน 2 ปี 3 ปี แต่สำหรับ SME D Bank จะใช้เวลาแค่ 6 เดือน
  3. เอกสารทางการค้าต้องมี ธนาคารจะขอดูเอกสารต่าง ๆ ในการทำการค้าอยู่แล้ว เพื่อดูว่ามีการดำเนินธุรกิจอย่างไร ดังนั้น เอกสารเหล่านี้ต้องเตรียมให้พร้อมก่อนจะไปขอสินเชื่อ
  4. เตรียมแผนธุรกิจให้พร้อม การไม่มีแผนธุรกิจไม่ได้แปลว่าแบงก์จะไม่ปล่อยกู้ แต่การมีแผนธุรกิจที่ชัดเจนย่อมดีกว่า และเป็นเครื่องมือสำคัญที่ทำให้การพิจารณานั้นง่ายขึ้น ไม่ต้องมานั่งอธิบายกันเยอะ โดยธนาคารจะดูรายละเอียดต่าง ๆ ในแผน จะทำอะไร ขายอย่างไร ลูกค้าเป็นใคร เงินลงทุนมากน้อยเท่าไหร่ มาจากไหน ฯลฯ
  5. เลือกสินเชื่อที่เหมาะสมกับความต้องการ ธนาคารมีผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่หลากหลาย ดูให้เหมาะสมกับเรา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องวัตถุประสงค์ในการกู้ จะนำไปลงทุน หรือเป็นเงินทุนหมุนเวียน ดอกเบี้ย ระยะเวลาผ่อน ฯลฯ 
  6. หลักประกันสำหรับค้ำประกัน ดังที่กล่าวข้างต้นว่า บสย.สามารถช่วยค้ำประกันสำหรับคนที่ขาดหลักประกันหรือหลักประกันไม่พอได้ แม้ว่าจะมีสัดส่วนในการค้ำประกัน แต่ก็เป็นตัวช่วยในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น สำหรับการกู้เงินที่ SME D Bank นั้น สามารถเริ่มต้นจากการใช้ บสย.ค้ำได้เลย หากวงเงินที่ต้องการกู้เกินกว่าการค้ำประกันของ บสย.ก็สามารถพูดคุยหาทางออกร่วมกันได้

ปัจจุบัน SME D Bank ได้จัดทำแพลตฟอร์ม “DX by SME D Bank” ซึ่งเป็นบริการสำคัญสำหรับผู้ประกอบการ ได้แก่
1. E-Learning รวบรวมความรู้สำคัญ ช่วยเพิ่มศักยภาพการประกอบธุรกิจ เรียนรู้ได้ด้วยตัวเองตลอด 24 ชม. เบื้องต้นมีมากกว่า 30 หลักสูตร เรียนจบรับเอกสารการันตี (E-Certificate)  
2. SME D Coach ที่ปรึกษาธุรกิจจากโค้ชมืออาชีพกว่า 30 ท่าน เลือกรับการปรึกษาได้ทั้งออนไลน์และออฟไลน์  อีกทั้ง นัดหมายล่วงหน้าตามสะดวกแบบใกล้ชิดตัวต่อตัว
3. SME D Market ช่องทางขยายตลาดด้วย E-marketplace และจับคู่ธุรกิจ (Business Matching)
4. Business Health Check ระบบตรวจสุขภาพธุรกิจได้ด้วยตัวเอง
5. SME D Activity ระบบจองเข้าร่วมกิจกรรมเติมความรู้จัดต่อเนื่องตลอดทั้งปี ในหัวข้อสำคัญ เช่น บริหารจัดการธุรกิจ นวัตกรรม เทคโนโลยี มาตรฐาน การตลาด การเงิน และเตรียมพร้อมเข้าถึงแหล่งเงินทุน เป็นต้น
สำหรับผู้สนใจสามารถศึกษาเพิ่มเติมได้ที่ https://dx.smebank.co.th

และในช่วงที่สอง เป็นการสัมมนาในหัวข้อ “ค้ำประกันสินเชื่อ...ทางออกของคนไม่มีหลักทรัพย์”
โดย คุณเทียบจิตต์ จันทรภูติผลากร ผู้เชี่ยวชาญศูนย์ที่ปรึกษาทางการเงิน SMEs บสย.

บสย. หรือ บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม เป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงการคลัง ไม่ใช่ธนาคาร ไม่ได้ปล่อยสินเชื่อ แต่ทำหน้าที่ ค้ำประกันสินเชื่อให้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ที่เดินเข้าไปขอสินเชื่อเพื่อธุรกิจกับธนาคารทั้งรัฐและเอกชน ปัจจุบัน มีเครือข่ายพันธมิตร 19 ธนาคาร ที่ได้ลงนามความร่วมมือพร้อมใจกันให้ความช่วยเหลือเอสเอ็มอี

ปัจจุบันให้บสย. มีการให้บริการศูนย์ที่ปรึกษาทางการเงิน (บสย. F.A. Center) โดยศูนย์ดังกล่าวเป็นนโยบายจากกระทรวงการคลัง ให้คำปรึกษาแก่ผู้ประกอบการ โดยได้รับความร่วมมือจากผู้ทรงคุณวุฒิผู้มีความรู้ความเชียวชาญ มาให้คำปรึกษา มีบริการหลัก คือ บริการปรึกษาปัญหาทางการเงิน วิเคราะห์โครงการเอกสารประกอบการยื่นกู้และปรับโครงสร้างหนี้ แนะนำประสานงาน ติดตามผลกับสถาบันการเงิน อบรมให้ความรู้ทางการเงิน/กฎหมาย/ภาษี/บัญชี/อื่นๆ จับคู่ต่อยอดแลกเปลี่ยนเพื่อเป็นการเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ สอนอาชีพสอนสร้างธุรกิจเพื่อเป็นการเพิ่มรายได้ ตลอดจนเผยแพร่ข้อมูลให้ความรู้ อธิบายมาตรการรัฐต่างๆที่เกี่ยวข้องกับ SMEs
ผู้ที่สนใจสามารถศึกษาเพิ่มเติมและขอรับคำปรึกษาได้ที่ www.tcg.or.th

สำหรับผู้สนใจรายละเอียดสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ 
SME D Bank โทร 02-265-3000
บสย. โทร 02-890-9999
หอการค้าไทย โทร 02-018-6888 ต่อ 2660

-------------------------------------------------------------
SMEs Department, TCC&BoT
Tel: 02-018-6888 (2660)