รายงานสถานการณ์ MSME ไตรมาส 1/2567
โดย สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.)
Highlight:
▶ ภาพรวมเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทย
สถานการณ์เศรษฐกิจโลก (มกราคม 2567) จากการวิเคราะห์ของ IMF คาดว่าเศรษฐกิจโลกจะเติบโตอยู่ที่ร้อยละ 3.1 ในปี 2567 และคาดว่าเศรษฐกิจโลกปี 2568 จะเติบโตได้ร้อยละ 3.2 โดยสูงกว่าการคาดการณ์ แนวโน้มเศรษฐกิจโลกในเดือนตุลาคม 2567 โดยเป็นการเติบโตจากกลุ่มประเทศ Advanced Economies ร้อยละ 1.5 จากการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ร้อยละ 2.1 และกลุ่มประเทศยุโรป ร้อยละ 0.9 ส่วนกลุ่มประเทศ Emerging Market and Developing Economies ยังคงขยายตัวได้ ร้อยละ 4.1 โดยประเทศจีนและอินเดียเติบโตได้ร้อยละ 4.6 และ 6.5 ตามลําดับ ส่วนประมาณการในปี 2568 คาดว่าเศรษฐกิจโลกจะขยายตัวได้ร้อยละ 3.2 มากกว่าปี 2567 จากกลุ่ม Advanced Economies ที่คาดการณ์ว่า จะขยายตัวได้ร้อยละ 1.8 และกลุ่ม Emerging Market and Developing Economies คาดขยายตัวได้ร้อยละ 4.2
▶ GDP MSME และการประมาณการเศรษฐกิจของ MSME
ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (GDP MSME) ไตรมาสที่ 4/2566 ขยายตัว 3.2% ขยายตัวเร่งขึ้นจากไตรมาสก่อนที่ขยายตัว 2.8% โดยมีมูลค่า 1,649,013 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนต่อ GDP รวม เท่ากับ 35.6% ขณะที่ GDP ไทยไตรมาสที่ 4/2566 ขยายตัว 1.7% เมื่อพิจารณาตามขนาดธุรกิจ พบว่า GDP วิสาหกิจขนาดกลางขยายตัวได้มากที่สุดเท่ากับ 4.4% ขณะที่วิสาหกิจรายย่อย (Micro) และ วิสาหกิจขนาดย่อม ขยายตัวได้ 2.7% และ 2.0% ตามลําดับ เป็นการขยายตัวเร่งขึ้นจากไตรมาสก่อนทุกขนาดวิสาหกิจ เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อที่ตํ่าทําให้การบริโภคยังคงขยายตัวได้ แม้ในด้านรายได้จากการท่องเที่ยวจะตํ่ากว่าเป้าหมายที่คาดไว้
ปัจจัยที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดในปี 2567 ได้แก่ การดําเนินมาตรการกระตุ้นการใช้จ่าย ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ในภูมิภาคต่าง ๆ สถานการณ์ในประเทศเพื่อนบ้านโดยเฉพาะเมียนมาร์ และลาว ขณะที่ค่าเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าลง และอัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น
▶ การวิเคราะห์เครื่องชี้วัดสถานการณ์และดัชนีผลผลิตรายสาขา MSME
ภาพรวมสถานการณ์ SME ไตรมาสที่ 4 พบว่าผู้ประกอบการ SME เติบโตมากกว่าไตรมาสก่อนหน้า จากต้นทุนที่ลดลงอย่างมาก และเป็นการลดลงในทุกหมวดต้นทุน ส่วนหนึ่งมาจากปัจจัยสนับสนุนในประเทศ แต่ทว่าปัจจัยภายนอก อาทิ เศรษฐกิจโลก กําลังซื้อของประเทศคู่ค้า ทําให้ความต้องการสินค้าลดลง ประกอบกับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่เพิ่มขึ้นส่งผลต่อต้นทุนทางการเงินและกระทบต่อความสามารถในการทํากําไรของผู้ประกอบการ SME
ดัชนีผลผลิต MSME รายสาขา ไตรมาสที่ 4/2566 โดยเป็นการเปรียบเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า พบว่า ระดับผลผลิตในกลุ่มผู้ประกอบการ MSME ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้าถึงร้อยละ 16 โดยเป็นผลมาจากผลผลิตในภาคบริการลดลงร้อยละ 18 ซึ่งเป็นภาคธุรกิจที่มีสัดส่วนมูลค่าเพิ่มการผลิตสูงสุดถึงร้อยละ 51.26 ของมูลค่าเพิ่มการผลิตทั้งหมดโดยกิจการสาขาบริการที่มีระดับผลผลิตลดลงมากที่สุด ได้แก่ กิจกรรมบริการทางการเงิน ยกเว้น การประกันภัย และกองทุนบําเหน็จบํานาญ การโทรคมนาคมและงานวิศวกรรมโยธา
▶ สถานการณ์การค้าระหว่างประเทศของ MSME ไตรมาสที่ 1/2567
ในไตรมาสที่ 4/2566 MSME มีการส่งออกสินค้าคิดเป็นมูลค่า 327,023.7 ล้านบาท หรือ 9,190.9 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 22.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีสัดส่วนต่อมูลค่าการส่งออกรวมเท่ากับ 13.2% ขณะที่มูลค่าการส่งออกรวมของประเทศไตรมาสสุดท้ายของปี 2566 มีมูลค่า 69,850.1 ล้านเหรียญสหรัฐ กลับมาขยายตัวได้ 6.2% หลังจากลดลงต่อเนื่องในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปี
▶ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการ SME (SMESI)
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการ SME (SMESI) ไตรมาสที่ 1/2567 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าอยู่ที่ระดับ 53.9 เป็นผลดีมาจากกิจกรรมการท่องเที่ยวและการเดินทางในเทศกาลวันหยุดในช่วงต้นปี แต่ภาคการค้า และภาคบริการเริ่มชะลอตัวลงในช่วงไตรมาสที่ 1 นี้ตามสภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศที่ชะลอตัวลงจากปัจจัยกําลังซื้อ ขณะที่ภาคธุรกิจการเกษตรกลับปรับตัวดีขึ้นจากปัจจัยราคาและกําไรที่เพิ่มขึ้น
▶ ผลสํารวจความคิดเห็น MSME: สถานการณ์ด้านหนี้สินกิจการของ MSME ไตรมาสที่ 4/2566
จากผลการสํารวจผู้ประกอบการ MSME กลุ่มตัวอย่าง จํานวน 2,723 ราย ใน 6 ภูมิภาคทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 19-29 ธันวาคม 2566 พบว่า ผู้ประกอบการ MSME มีภาระหนี้สินร้อยละ 60.1 ซึ่งยังคงอยู่ในระดับนี้ต่อเนื่องจากไตรมาส 3 ที่ร้อยละ 60.3 โดยสาขาธุรกิจผลิตเครื่องหอม เครื่องสําอาง บริการเสริมความงาม/สปา/นวดเพื่อสุขภาพ มีแนวโน้มภาระหนี้สินเพิ่มขึ้นกว่าไตรมาสก่อน และสําหรับแหล่งกู้ยืมของธุรกิจ MSME กลุ่มที่มีภาระหนี้สิน ร้อยละ 71.9 กู้ยืมมาจากสถาบันการเงิน อีกร้อยละ 28.1 มาจากแหล่งเงินทุนนอกระบบสถาบันการเงิน ได้แก่ เพื่อน/ญาติพี่น้อง หรือนายทุนเงินกู้ ในภาพรวมการกู้ยืมนอกระบบปรับตัวลดลงจากร้อยละ 33.8 ในไตรมาสก่อนหน้า
ดาวน์โหลดรายงานฉบับเต็ม
หรือแสกน QR CODE