สรุปสาระสำคัญการเสวนา
เรื่อง “กลยุทธ์ในการสร้างอิทธิพลทางวัฒนธรรมและมุ่งสู่การเป็นธุรกิจระดับโลก”
งานมหกรรมรวมพลัง SME ไทย (Thailand SME Synergy Expo 2024)
วันที่ 23 มิถุนายน 2567 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
คุณสิทธิชัย เทพไพฑูรย์ Co-founder Debuz/GAMEINDY กล่าวถึง การสร้างและการพัฒนาเกมด้วยฝีมือคนไทย โดยมีเป้าหมายว่าอยากส่งให้เกมไทยไปได้ไกลในระดับโลก มูลค่าอุตสาหกรรมเกมไทยปัจจุบัน 38,000 ล้านบาทต่อปี ผลิตใช้ในประเทศ 600 ล้านบาท คนไทยเติมเงินมากเป็นอันดับต้น ๆ แสดงให้เห็นว่าคนไทยเต็มใจที่จะจ่าย และสะท้อนถึงโอกาสของตลาด หนึ่งในความต้องการคืออยากให้คนไทยเล่นเกมไทยมากขึ้น
ในอดีต บริษัทฯ เคยผลิตเกมเกี่ยวกับการเล่าเรื่องราวการเสียกรุงครั้งที่ 2 แต่ตัวเกมที่ออกมานั้นผลปรากฏว่า ยังไม่ตรงกับความต้องการของตลาดไทยและตลาดโลก พอมายุคใหม่มีการสำรวจและพบว่า ซีรีย์วายมีอิมแพคมาก จึงสร้างเกมในรูปแบบที่มีสตอรี่เทลลิ่ง โดยพัฒนาเนื้อเรื่องมาจากความเป็นซีรีย์วาย เล่าเรื่องและให้ตัวละครดำเนินไป กลุ่มผู้เล่นไม่มากแต่อัตราการเติมเงินสูง สำหรับในช่วงนี้อยู่ระหว่างการพัฒนา AZURA HERO เป็นการเชื่อมโยงความเป็นไทยเข้ากับเกม โดยมีความพยายามส่งออกอัตลักษณ์ของไทยสู่สากล
เกมไทยยังต้องการแรงสนับสนุนจากภาครัฐ ในแง่ของทุนในการสร้างเกม ทุกวันนี้เรามีนักศึกษาเก่ง ๆ หัวสมัยใหม่จบเยอะ แต่ตลาดแรงงานรองรับไม่เพียงพอ หากเกมเรามีอิมแพคมากขึ้น จะทำให้ตลาดแรงงานนี้โตขึ้น รองรับได้มากขึ้น
คำว่า Soft Power เมื่อใช้เยอะไปจะน่าเบื่อ
ให้เจาะจงให้ตั้งเป้าในสิ่งที่เราจะทำให้ชัดเจน
คุณจิรพิสิษฐ์ รุจน์เจริญ ประธาน YEC หอการค้าจังหวัดนครราชสีมา กล่าวถึง ผลิตภัณฑ์กางเกงแมวโคราช Soft Power แฟชั่นไทย จุดเริ่มต้นคือพยายามหาอัตลักษณ์จนได้เป็น CI และเกิดเป็นกางเกงแมวขึ้น โจทย์คือทำยังไงถึงจะขายเมืองได้ จึงคิดว่าต้องทำแบรนด์ ต้องช่วยกันทำ CI จังหวัด โดยจัดประกวดและให้คนโคราชร่วมกันโหวต สร้างการมีส่วนร่วม ต่อมาเรานำ CI ของเรามาทำเป็นสินค้าคาแรกเตอร์ แต่สิ่งที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือกางเกงแมวโคราช หลังจากนั้นพอเริ่มอิ่มตัว จึงคิดต่อยอดในการนำกางเกงแมวตัวนี้ อัตลักษณ์นี้สู่เกม FREEFIRE ซึ่งสื่อตัวนี้ออกไปถึงคนรุ่นใหม่ ตลอดจนออกไปสู่ต่างชาติ ทำให้มีคนต้องการทำความรู้จักมากขึ้น เมื่อก่อนเห็นแค่คนไทยมาเที่ยวโคราช แต่ปัจจุบันเริ่มมีต่างชาติมาเที่ยวมากขึ้น
หลังจากกางเกงมีคนรู้จักมากขึ้น จึงพัฒนาต่อยอดมาสู่คาแรกเตอร์ “แมวโคราช” โดยใช้ชื่อว่า “เจ้าเมื่อย” ซึ่งเป็นแมวสีสวาด ประกอบกับคนโบราณมีความเชื่อว่าแมวสีสวาดจะนำพาโชคดีมาให้ จึงใช้ความเชื่อนี้รวมกับตัวคาแรดเตอร์มาเป็น ARTTOY ซึ่งทำมาแล้วและตอบโจทย์กับตลาดจีน สู่การเป็นแมวกวัก นอกจากนี้ ปัจจุบันยังมีการต่อยอด โดยนำคาแรกเตอร์ดีไซน์เจ้าเมื่อยเข้าสู่อุตสาหกรรมอื่น อาทิ เจ้าสัว X เจ้าเมื่อย ที่กำลังจะเกิดขึ้นในเร็ว ๆ นี้ ทั้งหมดที่กล่าวมาอยากชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของคาแรกเตอร์ดีไซน์ ซึ่งเป็นการฝัง Soft Power ไปด้วยในขณะที่เรานำเสนอตัวแบรนด์
ความเป็น Soft Power เราต้องไม่พยายามยัดเยียดเข้าไป
แต่ต้องหาวิธีการให้คนค่อย ๆ ซึมซับเข้าไป แล้วคนจะอินไปเอง
สิ่งสำคัญคืออย่าหยุดที่จะทำ
คุณวรฤทธิ์ นิลกลม กรรมการบริหารสมาคมส่งเสริมคอนเทนต์ วาย ไทย กล่าวถึง เรื่องของภาพยนตร์และซีรีย์วาย ซีรีส์เหล่านี้จะเป็นเรื่องราวความสัมพันธ์ของชายชาย ทั้งในเรื่องของความรักและความสัมพันธ์ หรือที่ใครหลายคนเรียกกันว่าแนว Boys'love สำหรับซีรีส์วายจะมีตัวละครหลักที่รักเพศเดียวกัน เป้าหมายของสมาคมคือ ต้องการส่งเสริมให้คนรู้จักซีรีย์วาย รวมถึงส่งออกซีรีย์ และองค์ประกอบภายในซีรีย์ให้ต่างชาติได้รู้จัก
เราเชื่อว่าพลังของ Storytelling รักแห่งสยามถือเป็นเรื่องแรก ๆ ที่ทำให้ความเป็นซีรีย์วายเริ่มเป็นที่รู้จัก แต่สังคมในยุคนั้นยังไม่เป็นที่ยอมรับบนสื่อโทรทัศน์ แต่เมื่อมีแพลตฟอร์มอื่น ๆ เกิดขึ้นมา ทำให้เราสามารถหาดูคอนเทนต์นี้ได้ตามสื่อที่เกิดขึ้น เมื่อมีความต้องการเสพสื่อ ก็มีผู้ผลิตสื่อนี้ออกมาเรื่อย ๆ
ปัจจุบันมีซีรีย์วาย ผลิตในไทยไม่ต่ำกว่า 100 เรื่องต่อปี คิดเป็นมูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท เมื่อการซื้อขายมีเพิ่มมากขึ้นส่งผลให้ตลาดเติบโตขึ้น ไทยของเราโชคดีตรงที่มีจุดแข็งอยู่แล้ว คอนเทนต์ซีรีย์วายของไทยเมื่อเทียบกันต่างประเทศ จะมีความสดใหม่กว่า มีหลากหลายแนวมากกว่า และยังมีการเล่าเรื่องของหลากหลายช่วงวัย ปัจจุบันอัตราการเติบโตของซีรีย์วายอยู่ที่ 270% แนวโน้มการเติบโตในอนาคตคาดว่าจะเพิ่มมากขึ้น สังเกตได้จากจำนวนบริษัทที่จดทะเบียนในสมาคม ปัจจุบันอยู่ที่ 50 บริษัท อัตราการเติบโตคาดว่าจะสามารถทำได้ถึง 300%
ทั้งนี้ ซีรีย์วายยังมีอิทธิพลมากต่อผู้เสพสื่อ โดยสินค้าที่ได้ออกฉายในซีรีย์วายนั้น บางทีเกิดไวรัลขึ้น ยกตัวอย่าง มีซีรีย์เรื่องหนึ่ง ฉากหนึ่งมีชาไทยยี่ห้อหนึ่งออกมา วันรุ่งขึ้นแฟนคลับตามไปซื้อชาไทยยี่ห้อนั้น จุดนี้ถือว่าเป็นอิทธิพลจากซีรีย์วายที่เราเห็นได้อย่างชัดเจน
ทุกศาสตร์ทุกสาขาสามารถผสมลงตัวไปด้วยกันได้
อย่ามองว่าทุกอย่างเป็นไปไม่ได้
คุณสันติพงษ์ วงค์ทะเนตร ผู้อำนวยการกองธุรกิจบริการ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงอาหารไทยว่า อาหารไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก เรามีนโยบายขับเคลื่อนอาหารไทยสู่โลก เพราะเป็นสิ่งที่คนทั่วโลกรู้จัก เช่น ต้มยำกุ้ง ผัดไทย ข้าวซอย ส้มตำ เมื่อทั่วโลกรู้จักแล้วก็เป็นโจทย์ว่าเราจะทำอย่างไรต่อ จะต่อยอดตรงนี้ได้อย่างไร จุดเด่นของอาหารไทย 1) เป็นที่รู้จักของคนทั่วโลก 2) ไทยเป็นประเทศที่มีการส่งออกผลิตภัณณ์ต่าง ๆ โดยอุตสาหกรรมอาหารของไทยอยู่ลำดับที่ 15 ของโลก 3) เรื่องวัฒนธรรมอาหารเชื่อมโยงกับการท่องเที่ยว จากข้อมูลของสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เมื่อปี 2565 พบว่า มีร้านอาหารจดทะเบียนจำนวน 300,000 กว่าราย แต่ปัจจุบันจากข้อมูลบนแพลตฟอร์มไลน์แมนพบว่ามีธุรกิจร้านอาหารกว่า 700,000 ร้านค้า ที่เปิดขายอาหารและเครื่องดื่มบนแพลตฟอร์มออนไลน์ ทั้งในรูปแบบมีหน้าร้านและไม่มีหน้าร้าน แสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่า ตลาดร้านอาหารขยายขึ้นอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม เรื่องมาตรฐานเป็นสิ่งสำคัญ ชาวต่างชาติที่รู้จักเมื่ออยากลองมาทานอาหารไทยจะเกิดความคาดหวังที่จะได้ทานอาหารที่เหมือนกับข้อมูลที่ได้รับทราบมา จึงเป็นที่มาของการสร้างความเชื่อมั่นตรงจุดนี้ เป็นที่มาของโครงการร้านอาหาร Thai SELECT ซึ่งเป็นตราสัญลักษณ์ที่กระทรวงพาณิชย์ มอบให้กับร้านอาหารไทย และผลิตภัณฑ์อาหารไทยสำเร็จรูป ที่ให้บริการและจำหน่ายอาหารไทยรสชาติไทยแท้ ผ่านกระบวนการและขั้นตอนของการปรุงอาหารด้วยส่วนผสมตามตำรับอาหารไทย โดยแบ่งเป็น 4 ประเภท ตามเกณฑ์รูปแบบของร้าน การตกแต่งร้าน คุณภาพของอาหารและการบริการ ดังนี้
มาตรฐานนี้เองจะช่วยสร้างความมั่นใจได้ว่า ร้านที่ผู้บริโภคเลือกนั้น ไม่ว่าจะที่ประเทศไทยเองหรือร้านที่ต่างประเทศ ผู้บริโภคจะได้รับประสบการณ์ที่มีระดับตรงกับมาตรฐานตามที่ Thai select กำหนดไว้
สำหรับผู้ประกอบการที่คิดว่าตนเองคอนเนคชั่นไม่ดีแต่มีความฝัน อยากจะต่อยอดส่งเสริมสินค้า ผลิตภัณฑ์ของตนเอง หากอยู่ต่างจังหวัดสามารถติดต่อได้ที่พาณิชย์จังหวัด ส่วนของต่างประเทศสามารถติดต่อได้ที่ฑูตพาณิชย์
Soft Power มันสอดแทรกอยู่ในวิถีชีวิต อยู่ในวัฒนธรรม อยู่ในความเป็นไทยอยู่แล้ว
.......................................................................................................................................
เรียบเรียงและสรุปโดย : ฝ่ายประสานงานสิทธิประโยชน์ SMEs
ข้อมูล ณ วันที่ 23 มิถุนายน 2567