สรุปสาระสำคัญเวที Ted Talk Duo : เวทีนี้ต้องมีพี่เลี้ยง
งานมหกรรมรวมพลัง SME ไทย (Thailand SME Synergy Expo 2024)
วันที่ 22 มิถุนายน 2567 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
คุณชลวิทย์ สุขอุดม ประธานคณะทำงานโครงการ Big brother หอการค้าไทย กล่าวว่า มุมมองในการทำธุรกิจในยุคที่มีการเปลี่ยนแปลงในปัจจุบัน อยู่ภายใต้ความซับซ้อน เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ต้องมีวิสัยทัศน์ไปล่วงหน้าและมีความยืดหยุ่น ภาคเอกชนของแต่ละประเทศต้องเดินไปด้วยกัน ทั้งขนาดใหญ่ กลาง เล็ก ต้องสนับสนุนซึ่งกันและกัน บริษัทขนาดเล็กสนับสนุนบริษัทขนาดใหญ่ ในขณะที่บริษัทขนาดใหญ่ก็หันกลับมาดูแลบริษัทขนาดเล็ก ให้ทุกภาคส่วนเติบโตไปพร้อมกัน หลายธุรกิจมองแค่ว่า การขายให้มากที่สุดจะทำให้องค์กรประสบความสำเร็จ แต่แท้จริงแล้วองค์ประกอบในการขับเคลื่อนธุรกิจต้องมองหลายมิติทางสังคมโดยรอบ มองถึงผู้ที่เกี่ยวข้องกับองค์กร สิ่งเหล่านี้จะเข้ามาช่วยเราในการให้คำแนะนำ เพื่อยกระดับองค์กรของเราได้
โครงการ Big Brother เริ่มจากหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เล็งเห็นว่า SME ไปลงเรียน หลักสูตรการทำธุรกิจจำนวนมาก แต่ไม่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการทำธุรกิจจริงได้ และเมื่อมองย้อนกลับมาที่องค์กร เห็นว่าหอการค้าไทยมีรองประธานกรรมการ และกรรมการหลายท่านที่มาจากบริษัทขนาดใหญ่ของประเทศ และทุกท่านนั้นสามารถถ่ายทอดองค์ความรู้และประสบการณ์จริงได้ จึงได้เกิดแนวคิดในการนำเอาพี่เลี้ยงในบริษัทใหญ่มาเป็น Coach เพื่อชวนคิด ชวนคุย ซึ่งจะช่วยให้ผู้ประกอบการที่เข้ามาร่วมโครงการนั้น มีแนวคิดและมุมมองในการทำธุรกิจได้ครบทุกมิติมากขึ้น
สิ่งสำคัญที่มากกว่าจำนวนผู้เข้าร่วมโครงการ คือเรามองว่าเราสามารถเข้าไปช่วยเพิ่มโอกาสในการขายหรือเพิ่มลูกค้า สามารถลดของเสียจากกระบวนการผลิตได้จำนวนเท่าไหร่ นี่คือ KPI ที่เราให้ความสำคัญมากกับการทำโครงการนี้ จำนวนบริษัทกว่า 20 บริษัทที่ส่งผู้แทนมาเป็นพี่เลี้ยง เกิดจากความตั้งใจจริงที่จะต้องการส่งเสริมผู้ประกอบการ และมองว่าธุรกิจต้องขับเคลื่อนไปด้วยกัน ดังนั้น ทุกบริษัทที่ส่งพี่เลี้ยงมาจึงมีความเสียสละ และมีความเชื่อเดียวกัน คือ ธุรกิจต้องไปด้วยกัน
แม้ว่าหน่วยงานภาครัฐหลายหน่วยงาน จะพยายามสนับสนุนและส่งเสริมผู้ประกอบการให้เติบโต แต่ธุรกิจเองก็ต้องพร้อมที่จะเติบโตด้วยตัวเองด้วย ต้องพยายามมองหาโอกาสในการที่จะขยายตลาดต่างประเทศ ทั้งในตลาดภูมิภาคอาเซียนหรือในภูมิภาคอื่น ๆ การทำธุรกิจในทุกวันนี้ การแข่งขันมันเร็ว แรง ใช้การดำเนินธุรกิจแบบเดิมไม่ได้ วันนี้การเรียนรู้จะต้องเกิดการแลกเปลี่ยนและมีมุมมองเพิ่ม ซึ่งผู้ประกอบการจำเป็นต้องมีคู่คิดในทางธุรกิจที่จริงใจในการให้คำแนะนำ และชี้ให้เห็นว่าการทำธุรกิจของเราสิ่งไหนที่เรายังไม่คิด และช่วยเราตัดสินใจหรือชี้แนะในเรื่องนั้น
เป้าหมายของธุรกิจโดยมากแล้วคือ ต้องการจะแข็งแรงขึ้น แต่สิ่งสำคัญคือคุณต้องกล้าที่จะก้าวผงาดขึ้นด้วย คุณจำเป็นต้องมีวิสัยทัศน์ มีความตั้งใจ มีความมุ่งมั่น ทุกวันนี้เรามีหน่วยงานที่พร้อมให้การสนับสนุน SME เยอะมาก แต่อยู่ที่ผู้ประกอบการมีความพร้อมหรือไม่ พร้อมเดินเข้าไปขอความช่วยเหลือ พร้อมรับคำแนะนำใหม่ ๆ และพร้อมที่จะก้าวไปข้างหน้า และมาด้วยความพร้อมเหล่านั้น
คุณวิภาดา พลาธนพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟู้ดเดิ้ล นู้ดเดิ้ล จำกัด ในฐานะของผู้ประกอบการ ปัจจัยที่คิดสมัครเข้าโครงการ Big Brother ของเราคือ ธุรกิจเดิมที่ทำมาสักระยะรู้สึกว่าพัฒนาต่อไปไม่ได้แล้ว วันนั้นคิดว่าธุรกิจมันตันแล้ว ซึ่งเราทดลองแล้วว่าการทำธุรกิจรูปแบบเดิมไม่สามารถที่จะได้ผลลัพธ์ใหม่ ๆ จึงพยายามหาว่าบริษัทพี่เลี้ยงเข้ามาช่วยเติมเต็มในสิ่งที่เราต้องการต่อยอดได้ โจทย์ของธุรกิจเราคือ waste ในกระบวนการผลิตเยอะ พี่เลี้ยงก็เข้ามาช่วยเราคิดว่าเราจะต้องจัดการกับปัญหานี้อย่างไร จากที่มี waste เยอะ ก็ทำให้เราปรับปรุงกระบวนการการผลิต จนปีแรกสามารถลดของเสียได้ถึง 5% ซึ่งพี่เลี้ยงจากโครงการใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมงในการที่จะเข้าไปเรียนรู้กระบวนการผลิตเดิมของเรา จนสามารถจัดการปัญหานั้นได้ และยังสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการผลิตได้ด้วย
การเข้าร่วมโครงการ Big Brother ทำให้เราต้องกลับมาทบทวนยุทธศาสตร์ของบริษัท ตั้งแต่ซัพพลายเออร์ ลูกค้า พนักงาน สังคมรอบข้างของบริษัท ซึ่งเราหันมาให้ความสำคัญกับการทำธุรกิจที่ใช้แนวทาง ESG จึงทำให้เรากลับมาวางยุทธศาสตร์ของบริษัทได้ 3-5 ปี และพร้อมที่จะปรับอยู่ตลอดเวลา ซึ่งนี่คือความยั่งยืนที่แท้จริง บนพื้นฐานแนวคิดที่ว่า เราได้แล้ว สังคมต้องได้ด้วย
หลังจากที่เข้าร่วม โครงการ Big Brother เหมือนเราได้เจอพี่เลี้ยงที่จริงใจกับธุรกิจของเรามาก ๆ พี่เลี้ยงเหมือนครูที่ไม่ย่อท้อต่อการที่จะช่วยชี้แนะให้กับบริษัทเรา และพยายามชวนเราคิดไปเรื่อย ๆ ซึ่งผลลัพธ์จากการชวนคิดก็ทำให้เรากลับมาพัฒนาบริษัทของเราได้มาก เมื่อก่อนคิดว่าการมี Coaching ไม่ได้มีความสำคัญ เพราะคิดว่าเราเก่งแล้ว แต่พอเข้าร่วมโครงการได้เห็นอีกมุมของพี่เลี้ยงว่า บางเรื่องเป็นสิ่งที่เราไม่รู้ ซึ่งเป็นจุดบอดของเรา พี่เลี้ยงจะช่วยชี้แนะและทำให้เราฉุกคิดด้วยตัวเอง ซึ่งกระบวนการที่เราคิดได้ก็จะทำให้เรากลับไปปรับปรุงกระบวนการทำงานของบริษัท ซึ่งแตกต่างจากการไปเข้าร่วมอบรมคอร์สเรียนอื่น ๆ
ในวันที่เราไม่รู้ว่าเราไม่รู้อะไร เป็นความรู้สึกที่เราต้องการใครสักคนที่รู้และเข้าใจเรา การที่มีบริษัทพี่เข้ามาช่วย เหมือนเป็นมือที่ยื่นเข้ามาหาเรา ให้ความช่วยเหลือเรา ช่วยให้เราได้เรียนรู้ ได้เปิดมุมมองเพิ่ม ช่วยให้เรารู้ว่าเราไม่รู้อะไรบ้าง และสามารถเรียนรู้เพื่อเข้าใจ และจัดการกับความไม่รู้นั้นได้
.......................................................................................................................................
เรียบเรียงและสรุปโดย : ฝ่ายนโยบายยุทธศาสตร์
ฝ่ายประสานงานสิทธิประโยชน์ SMEs
ข้อมูล ณ วันที่ 22 มิถุนายน 2567