กลุ่มที่ 1 กลุ่มผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ที่ชำระหนี้ดีมาโดยตลอด แต่สถานการณ์โควิด- 19 ทำให้ขาดสภาพคล่อง หรือบางรายเป็นหนี้ครั้งแรก ในช่วงเวลาดังกล่าว และไม่สามารถประกอบธุรกิจต่อได้ จะต้องได้รับการช่วยเหลือพักชำระหนี้ ผ่อนปรนภาระชั่วคราว สำหรับลูกหนี้รายย่อยรัฐบาลได้กำหนดให้ธนาคารออมสิน และ ธ.ก.ส. ติดตามทวงถามหนี้ตามสมควรและให้ความช่วยเหลือ เพื่อไม่ให้เป็นหนี้เสีย โดยคาดว่าจะสามารถช่วยได้ประมาณ 1,100,000 คน ส่วนลูกหนี้ที่เป็น SME และบุคคล สถาบันการเงินของรัฐจะช่วยปรับโครงสร้างหนี้ และพักหนี้ในธนาคารของรัฐ เป็นเวลา 1 ปี โดยคาดว่า จะสามารถช่วยได้ 99%
กลุ่มที่ 2 กลุ่มลูกหนี้ที่มีรายได้ประจำ แต่มีภาระหนี้จำนวนมาก เกินศักยภาพชำระหนี้ แบ่งเป็นกลุ่มย่อย ได้แก่ กลุ่มข้าราชการ ครู ตำรวจ ทหาร ฯลฯ จะได้รับความช่วยเหลือผ่านการลดดอกเบี้ยสินเชื่อ และโอนหนี้ทั้งหมดไปไว้ในที่เดียว เช่น สหกรณ์ เพื่อให้สามารถตัดเงินเดือนชำระหนี้ให้สอดคล้องกับเงินเดือน และให้มีเงินเดือนเหลือสำหรับดำรงชีพ ซึ่งหากข้าราชการประสบปัญหาหนี้สินในธนาคารอื่น ๆ ให้สามารถมาปรึกษาธนาคารออมสินได้ และ ''กลุ่มหนี้บัตรเครดิต'' หากมีหนี้เสีย สามารถเข้าร่วมคลินิกแก้หนี้ ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทย ร่วมกับบริษัทบัตรเครดิตรายใหญ่เกือบทั้งหมด ในการปรับโครงสร้างหนี้ ด้วยการนำเงินต้นคงค้าง มาทำตารางผ่อนชำระใหม่ และลดดอกเบี้ยเหลือ 3-5% จาก 16-25% ระยะเวลาการผ่อน 10 ปี
กลุ่มที่ 3 กลุ่มที่มีรายได้ไม่แน่นอนทำให้การชำระไม่ต่อเนื่อง เช่น เกษตรกร ลูกหนี้เช่าซื้อ หรือ กยศ.จะได้รับการพักชำระหนี้ชั่วคราว ลดดอกเบี้ย และลดเงินผ่อนแต่ละงวด เพื่อให้สอดคล้องกับรายได้ของลูกหนี้ เช่น เกษตรกร รัฐบาลมีการโครงการพักชำระหนี้แล้ว 3 ปี, ลูกหนี้ กยศ. มีการปรับโครงสร้างหนี้ ลดดอกเบี้ย ปรับลำดับการชำระ และยกเลิกการค้ำประกัน
กลุ่มที่ 4 ลูกหนี้เช่าซื้อ สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค ได้มีการกำหนดอัตราดอกเบี้ยเช่าซื้อ เช่น กรณีการเช่าซื้อรถใหม่ ดอกเบี้ยจะต้องไม่เกิน 10% และรถจักรยานยนต์ ไม่เกิน 23% รวมถึงให้ลดดอกเบี้ยผิดนัดชำระให้ต่ำลง และให้มีส่วนลดหากลูกหนี้ ปิดค่างวดได้ก่อนกำหนด
แนวทางการยกระดับการให้สินเชื่อและการค้ำประกันสินเชื่อ
การให้ความรู้ทางการเงินและส่งเสริมการออม
ตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค. 2566 หมดเขต 29 ก.พ. 2567
เปิดให้ลงทะเบียนแก้หนี้นอกระบบทางออนไลน์
หรือลงทะเบียนได้ ณ ที่ว่าการอำเภอหรือสำนักงานเขตทั่วประเทศ
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนศูนย์ดำรงธรรม โทร. 1567
หรือกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชนในพื้นที่